เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ก.พ. ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ก่อนการเสวนา “จากทับลานถึงเขาใหญ่ ผืนป่าที่ถูกเฉือน” โดยตอบคำถามถึงการลงพื้นที่เขาใหญ่ ในวันที่ 1 มี.ค. ว่า มีหลายหน่วยงานเตรียมลงพื้นที่ไปด้วยกัน ตั้งแต่ที่ตนร้อง ปปป. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากตนแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด และตอนนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน จึงถือโอกาสให้ทุกส่วนที่เกี่วข้องลงไปในพื้นที่ด้วย ซึ่งเราได้ประสานกับกรมป่าไม้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยครั้งนี้ เป็นการลงไปในพื้นที่ของกรมป่าไม้ ซึ่งสภาพเป็นภูเขาชัดเจน และการครอบครองไม่ใช่เกษตรกรแน่นอน ซึ่งในส่วนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มทุน ดังนั้นในวันที่ 1 มี.ค. จะทำเบาะแสต่างๆ มาต่อจิ๊กซอว์กัน
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีการรุกล้ำจาก ส.ป.ก. เข้าไปในเขตที่ไม่ได้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า มี แต่พอเราขอ ส.ป.ก. ให้นำหลักฐานมาแสดงกลับไม่ให้ดู แสดงถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ถ้า ส.ป.ก. ทำใด้วยความตรงไปตรงมา ต้องการจัดสรรที่ให้คนยากไร้ ไม่มีที่ทำกิน เราก็จะแสดงความยินดีให้กษตรกรรายนั้น แต่เขาไม่แสดงเลย มันส่อไปถึงความไม่ปกติ เราจึงอยากให้เขานำเสนอข้อมูลด้านนี้ด่วย แต่อย่างที่เห็น ขออะไรไปก็ไม่ได้สักอย่าง
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงไม่ยอมรับแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตอนจัดทำอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราก็ไม่ได้ไปบอกกรมแผนที่ทหารมาเป็นกรรมการของเรา หรือเป็นคนมาตรวจแผนที่เรา แต่เราดำเนินการตามสภาพพื้นที่ป่า ตามแนวทางพระราชกฤษฎีกา พ.ร.บ.ป่าสงวน พ.ร.บ.ป่าไม้ กฎหมายเหล่านี้เกิดก่อนคนอื่น ดำเนินการเองทั้งสิ้น และกรมแผนที่ทหารก็ไม่ได้มาจัดการเรื่องนี้ ส่วนกรมแผนที่ทหารมีหน้าที่ทำหมุดแนวพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ แล้วจะมาบอกว่าอันนี้ใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งตนว่าแบบนี้มันก็ไม่ใช่ แล้วการถ่ายทอดจากหนังสือรังวัดนั้น ต้องมาจากการลงพื้นที่จริง ตนเชื่อว่า สิ่งที่ตนพูดไป มืออาชีพ ผู้เชี่ยวชาญที่อ่านภาพถ่ายเป็นเขา จะรู้เลยว่าใครผิดใครถูก แต่สิ่งที่เขาทำนั้นพูดไม่หมด ถ้ากรมแผนที่ทหารเอาแผนที่ทั้งด้านนอก ด้านใน มาให้ดูให้หมด ตนก็ยอมรับได้ แต่ถ้าพูดแบบตกท้องช้างแล้วสรุปว่าเป็นที่ ส.ป.ก. แบบนี้ไม่ได้ การทำครั้งนี้ต้องยึดแนวพระราชกฤษฎีกา อย่ามาเถียงกับเราแบบนี้ถือว่า ไม่อย่างนั้น แผนที่ฉบับนี้มันเอื้อประโยชน์ให้กับผู้กระทำความผิดหรือไม่ ตนขอถามกลับ ถ้ายังยืนยันว่า แผนที่ฉบับนี้ถูกต้อง คงต้องไปสู้กันในชั้นศาล
เมื่อถามถึง one map จะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่ววว่า ต้องพูดถึงกรรมการก่อน เพราะกรรมการก็มาจากปฏิรูปที่ดิน ทั้งเลขาฯ หรือคนอื่นๆ ก็มาจาก ส.ป.ก. ทั้งนี้ คณะกรรมการต้องยอมรับแนวเขต การทำพื้นที่ ส.ป.ก. ต้องทำแผนผัง และจะเขียนอะไรก็แล้วแต่ ต้องเพิกถอนออกจากเขตอุทยานแห่งชาตินั้นๆ ก่อน ถึงจะทำแผนที่หรือแนวเขต หรือวางผังของ ส.ป.ก. ได้
เมื่อถามว่า ส.ป.ก. กับอุทยานฯ ยังสามารถคุยกันได้หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในที่ 4 มี.ค. ได้เชิญผู้แทนทั้ง 2 หน่วยงานมาคุยกันว่าจะทำอย่างไร และให้ชัดเจนว่า ส.ป.ก. ใช้แนวคิด หรือระเบียบอะไรทำ แล้วระเบียบนั้นได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ผ่านหรือขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ที่ต้องถกกันให้สิ้น โดยการหารือจะรวมผืนป่าอนุรักษ์ทั้งประเทศ รวมถึงป่าไม้ด้วย
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า การเดินหน้าเรื่องนี้แล้วจะมีปัญหาอิทธิพล หรือเกิดอันตราย นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่หรอก แต่ถามว่ามีกลัว มีท้อไหม ก็ตอบว่ามี แต่ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของวิชาชีพตนซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ป่า ตนก็ต้องปกป้องป่า ลูกน้องของตนเดินป่าเกือบเป็นเกือบตายเพื่อปกป้องป่า ตนออกมาสู้ตรงนี้คนเดียวถือว่าคุ้ม แม้ว่าจะเสี่ยง แต่ทุกคนเท่ากัน กินข้าวเหมือนกัน ไม่มีใครบินได้ เรื่องความเสี่ยงหรือไม่เสี่ยงนั้น เสี่ยงเท่ากันหมด
เมื่อถามถึงกรณี ป.ป.ช. ออกมาก่อนหน้านี้ คิดว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า “ไม่” เป็นความเข้าใจที่ผิด คิดว่าข้อมูลที่ได้มานั้น จังหวะพอดีกันเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้ากระทรวง หรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เราพูดอย่างแฟร์ๆ เรามีเหตุในการชี้แจง โดยยืนยันชัดเจนว่า ถ้าจะร้องเรียนตน หรือจะเอาตนให้ตาย ต้องร้องเรียนเรื่องการทุจริตรับเงิน ทุจริตเรื่องการเงิน เรื่องการรับเงินโดยมิชอบ รับสินบนจากใครมา หรือทุจริตหน้าที่การงาน ทำลายตนได้เต็มที่ ไม่ใช่เรื่องบกพร่องในหน้าที่เล็กๆ แล้วเอามาเป็นประเด็น แบบนี้ไม่แฟร์
เมื่อถามว่า ปัญหาที่ ส.ป.ก. เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า มันเกี่ยวพันกันหมด เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในระบบเดียวกัน จะบอกว่าไม่เกี่ยวไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ มีนักการเมือง มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กลุ่มทุนใหญ่ๆ ก็มี มันแบ่งได้ 4 ก้อน ถ้าสิ่งที่ตนพูดแล้วไปพาดพิงคนที่ไม่ได้ทำ ตนก็ต้องขอโทษ แต่ใครที่ทำแล้วเรามีเส้นทางที่ไปถึง เราก็พร้อมเปิดอยู่แล้ว 1 มี.ค. นี้ ขอไปคุยก่อน เมื่อถามว่า มีผู้ใหญ่ติดต่อมาล็อบบี้หรือไม่ ให้หยุดเรื่องนี้หรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่วว่า มีคนโทรฯ มา แต่ตนไม่คุย ส่วนการทำงานที่เหลืออยู่ 7 เดือนนั้น ก็ต้องทำเต็มที่ และขอทุกคนช่วยกัน.