เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในการลงพื้นที่ จ.พะเยา “เปิดประตูเศรษฐกิจล้านนา ตะวันออกลุ่มแม่น้ำโขง” และการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 2/2567 ที่ จ.พะเยา และติดตามการตรวจราชการในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนสอง เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ เชียงใหม่ ลำปาง ระหว่างวันที่ 18-19 มี.ค. ว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ภายหลังจากพักค้างคืนที่ จ.เชียงใหม่ นายกฯ พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เดินทางโดยขบวนรถยนต์จาก จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ จ.พะเยา โดยวันเดียวกันนี้นายกฯ เปลี่ยนมาใช้รถยนต์เลกซัส สีดำ ทะเบียน กบ  6868 กรุงเทพมหานคร ในการปฏิบัติภารกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทางนายกฯ ได้แวะพักที่ปั๊มน้ำมัน เขตรอยต่อ จ.เชียงราย  โดยมีบรรดานักท่องเที่ยวและประชาชนตื่นเต้นมาขอถ่ายรูป และเซลฟี่ร่วมกับนายกฯ ด้วย

จากนั้นระหว่างทาง เวลา 10.35 น. เลยจุดชมวิวอำเภอวังเหนือ  ต.วังทอง หลักกิโลเมตรที่ 35 รอยต่อ 3 จังหวัด จ.ลำปาง จ.เชียงราย และจ.พะเยา นายกฯ ได้แวะดูสถานการณ์ไฟไหม้ป่าริมทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการฉีดน้ำเพื่อดับไฟ ที่ยังปรากฏการไหม้อยู่ต่อเนื่อง โดยนายกฯ ได้เดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ซึ่งนำรถน้ำมาฉีดดับเพลิง ถึงสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ป่า ว่า เกิดจากก้นบุหรี่หรือไม่ เพราะดูลักษณะไม่น่าเกิดจากการเผา 

ขณะเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า ใช่ เพราะก่อนหน้านี้ตนผ่านจุดนี้มาแล้วยังไม่เจอ แต่พอกลับมาก็มาเจอพอดีว่ามีไฟไหม้  นายกฯ จึงถามต่อว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยและมีเยอะหรือไม่ เจ้าหน้าที่กล่าวยอมรับว่า “มีเยอะ” นายกฯ จึงกล่าวย้ำว่า ลักษณะนี้ไม่น่าจะเป็นการเผาป่าใช่หรือไม่ ถ้าฉะนั้นคงเป็นอุบัติเหตุ 

นอกจากนี้นายกฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การทิ้งก้นบุหรี่ น่าจะเป็นข้อสันนิษฐานว่าทำให้เกิดไฟไหม้ป่าครั้งนี้ ไม่น่าจะใช่การเผาป่า หรือเศษวัชพืชแน่นอน เพราะเหตุเกิดอยู่ข้างทาง อีกทั้งจุดที่เกิดก็มีสภาพที่แห้งมาก ใบไม้ร่วงเต็ม ตนอยากให้ประชาชนทุกคนให้ความสำคัญด้วย แม้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ความมักง่ายนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็สร้างความเสียหายได้เยอะเหมือนกัน

จากนั้นนายกฯ ได้เดินไปดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่าในบริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะเดินกลับมาสอบถามกับเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงอีกครั้ง ว่า เป็นเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงใช่หรือไม่ เนื่องจากเห็นสัญลักษณ์ปักอยู่ที่บนเสื้อ นายกฯ จึงกล่าวว่า กรมทางหลวงก็มีส่วนช่วยในการดับไฟป่า ซึ่งมีรถดับเพลิงเป็นของตัวเองด้วย 

‘นายกฯ’จอดรถแวะเจอไฟไหม้ริมทาง ขอบคุณ จนท.กรมทางหลวง ช่วยดูแลดับไฟ

ขณะที่ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่กรมทางหลวง จะมีการออกตรวจตลอด เพื่อดูเรื่องของอุบัติเหตุระหว่างทางด้วย นายกฯ จึงถามเจ้าหน้าที่ต่อว่า มีวิ่งตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่  กล่าวว่า เมื่อได้รับแจ้งว่ามีเหตุไฟไหม้ก็จะวิ่งมาช่วยในการดับไฟ นายกฯ จึงได้ย้ำกับปลัดกระทรวงคมนาคม ว่า ในช่วงนี้ขอให้ดูเรื่องค่าล่วงเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ เพราะช่วงนี้อาจจะต้องทำงาน 24 ชั่วโมง 

ขณะเดียวกัน นอกจากการช่วยดับไฟป่าแล้ว นายกฯ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ดูเรื่องของการป้องกันการเกิดไฟป่าด้วย ว่าสามารถฉีดน้ำตลอดแนวได้หรือไม่​  ซึ่งเจ้าหน้าที่รายงานว่า​ มีพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางมาก​  จากนั้นนายกฯ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดพะเยาต่อ.