เมื่อวันที่ 9 ต.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับฟังแผนการปฏิบัติ และการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของงาน พร้อมเน้นย้ำ 1.การดูแลบ้านเรือน ทรัพย์สินผู้ประสบภัยในช่วงที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่ เพราะผู้ประสบภัยมีความเป็นห่วงบ้านข้าวของ เมื่อต้องอพยพห่างไกลบ้านไปหลาย ๆ วัน 2.การดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น สถานเลี้ยงเด็กบ้านคนชรา ผู้ป่วยติดเตียงในแต่ละชุมชน ให้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และให้ทันท่วงที 3.การป้องกันที่ตั้งโรงพยาบาลและสถานพยาบาลบริการทางการแพทย์ ซึ่งต้องสามารถทำงานต่อไปได้ เข้าถึงได้ และ 4.การสัญจรไปมา เช่น ถนนสะพาน บริการรถรับ-ส่งนักเรียนและประชาชนทั่วไป เพื่อลดผลกระทบการใช้ชีวิตของประชาชน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ห่วงใยทรัพย์สินของประชาชน ที่ประสบอุทกภัย จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมั่นตรวจตราดูแลอย่างเข้มข้น และฝากเตือนมิจฉาชีพอย่าฉวยโอกาสลักทรัพย์หรือขโมยตามบ้านเรือนผู้ประสบภัยเนื่องจากต้องรับโทษหนักกว่าปกติเพราะถือว่าเป็นการไปซ้ำเติมผู้ที่กำลังเดือดร้อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (2) ที่กำหนดว่า ผู้ใดลักทรัพย์ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟ หรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกันหรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 1แสนบาท และขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หรือพบสิ่งใดผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือโทรแจ้งหมายเลข 191 สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายได้ทันที.