เมื่อวันที่ 4 เม.ย. เวลา 10.05 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงกระทรวงกลาโหม ว่า รัฐบาลสมยอมกับกองทัพนำนโยบายในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาปรุงแต่งและทำคำโฆษณาตบตาประชาชนหลอกให้เชื่อว่ารัฐบาลปัจจุบันปฏิรูปกองทัพแล้ว ทั้งนี้ การปฏิรูปกองทัพไม่ใช่การทำลายหรือด้อยค่ากองทัพ แต่เป็นกระบวนการที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชนดีขึ้น กองทัพเกิดความโปร่งใส ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงทำให้ประชาชนไว้วางใจในภารกิจทางการทหาร  แต่ถ้าไม่มีการปฏิรูปกองทัพ จะทำให้กองทัพทำงานยากลำบาก และจะมีกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งฉวยโอกาสจากอคติของประชาชนไปใช้ตบทรัพย์ต่อรองเอาผลประโยชน์จากกองทัพ ทั้งนี้ มีสายข่าวจากกองทัพเรือบอกตนว่าการจัดซื้อเรือฟริเกต วงเงิน 17,000 ล้านบาท มีคนในรัฐบาลต่อสายขอคุยกับกองทัพเรือ แต่กองทัพเรือไม่คุยด้วย  หากกองทัพไม่โปร่งใสก็จะถูกนักการเมืองกลุ่มหนึ่งเอาความลึกลับดำมืดมาเป็นชนักปักหลัง ซึ่งตนมีเรื่องที่จะสะท้อนให้นายกฯ และรมว.กลาโหมให้ทราบดังนี้

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า การปรับลดกำลังพล แม้ขณะนี้รัฐบาลประโคมข่าวความสำเร็จของการรับสมัครทหารแบบออนไลน์ว่ามีจำนวน 15,163 นาย เพิ่มจากปี 2566 ที่มีจำนวน 10,156 นาย ขณะที่ปี 2565 มีจำนวน 6,600 นาย ในปี 2564 จำนวน 3,200 นาย แต่เรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกับการลดกำลังพล เพราะการรับสมัครทหารแบบออนไลน์ทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้วเมื่อปี 2564 และเป็นกลไกที่จะยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้จริง เมื่อรวมยอดการสมัครที่หน้างานและยอดสมัครแบบออนไลน์ จำนวนยอดสมัครทั้งหมดควรจะเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีก่อนๆ มีจำนวนผู้สมัครทหาร 50,000 คน แต่ในปี 2564 ที่มีการรับสมัครทหารออนไลน์รวมกับการสมัครที่จุดเกณฑ์ทหารแล้ว มีจำนวนกำลังพลลดเหลือ 28,572 นาย ปี 2565 เหลือ 30,000 นาย ปี 2566 เหลือ 35,000 นาย ซึ่งการสมัครทหารโดยรวมถึงมีแนวโน้มลดลง นี่คือการตบตาประชาชน

“ในทุกปีจะมีคนที่ไม่ต้องการเกณฑ์ทหาร ก็จะมีสัสดีบางกลุ่มนำใบ สด.43 ปลอม หลอกขายประชาชน ซึ่งตกใบละ 50,000 บาท หาก 1 ปีหลอกขายได้ 60,000 คน ความเสียหายก็อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งการฝึกทหารในค่ายก็สามารถยกเงินเดือนให้นายพล 10,000 บาท หากมีการลักลอบปล่อยทหาร 20,000 นาย เราก็เสียประโยชน์ 2,400 ล้านบาท เป็นเพราะเรื่องเหล่านี้หรือไม่ที่ทำให้ไม่ยอมยกเลิกการเกณฑ์ทหาร” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากต้องการปฏิรูปกองทัพอย่างแท้จริง ต้องปรับปรุงโครงสร้างภายในกระทรวงกลาโหม ยกเลิกหน่วยงานซ้ำซ้อน ประเมินภัยคุกคามและบริบทความมั่นคงในโลกยุคใหม่ ที่มีความต้องการกำลังพลทหารราบลดลงในทุกประเทศ และต้องนำพลทหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารออกจากระบบให้หมด ซึ่งแผนการยุบหน่วยงานในปีงบประมาณ 2567-2568 ลดกำลังพลได้เต็มที่ 1,700 อัตรา ประหยัดงบประมาณได้แค่ 34 ล้านบาท จากงบทั้งหมด 93,000 ล้านบาท นอกจากนี้ หากรัฐบาลปรับยอดกำลังพลให้อยู่ในระดับที่จำเป็น และทำสัญญาจ้างทหารอาชีพสมัครใจระยะยาว 4-5 ปี จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอในการปรับปรุงสวัสดิการ อีกทั้งยังช่วยให้การปฏิบัติการทางทหารมีประสิทธิภาพขึ้น หรือการที่ต้องมีพลทหารจำนวนมากขนาดนี้ เพราะเป็นผลประโยชน์หล่อเลี้ยงบรรดานายพลที่หากินกับการบังคับเกณฑ์ทหาร อย่างไรก็ตาม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ไม่ต้องทำอะไร จำนวนนายพลก็จะลดลงอยู่แล้ว เพราะโรงเรียนเตรียมทหารรับสมัครนักเรียนลดลง แต่ตนขอถามว่าหากทำเรื่องนี้สำเร็จ งบประมาณเกี่ยวกับบุคลากรของกองทัพจะลดลงหรือไม่

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ที่ดินราชพัสดุมีทั้งหมด 12 ล้านไร่ ซึ่งมีส่วนที่อยู่ในการครอบครองของกองทัพ 6.25 ล้านไร่ โดยกองทัพบกถือไว้ 4.5 ล้านไร่ มีที่ดินรกร้างและที่ดินบางส่วนถูกนำไปใช้ทำสวัสดิการธุรกิจ ทั้งสนามกอล์ฟ บ้านพักตากอากาศ สนามมวย แต่ไร้ความโปร่งใส โดยมีรายงานผลกำไรในธุรกิจทุกเหล่าทัพว่ามีปีละ 70-80 ล้านบาท และตลกร้ายที่กองทัพฮุบที่ดินไว้เป็นจำนวนมหาศาล ขณะที่ภาคเกษตรกำลังประสบปัญหาขาดแคลนที่ดิน เกษตรกรมากกว่าครึ่งไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง โดยที่ผ่านมา รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน พยายามจะเอาที่ดินของกองทัพมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์ โดยตั้งชื่อใหม่สวยหรูว่าโครงการธนารักษ์เพื่อราษฎร์ หรือหนองวัวซอโมเดล ซึ่งไม่ใช่โครงการใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่ทำตั้งแต่ปี 2547 ในชื่อโครงการรัฐเอื้อราษฏร์ และในปี 2562 สมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนชื่อเป็นโครงการธนารักษ์ประชารัฐ นอกจากนี้ งบประมาณของแต่ละเหล่าทัพ ปัจจุบันสถานการณ์ตามบริบทโลกก็เปลี่ยนแปลงไป แต่งบฯ ที่จัดสรร 5 ปีย้อนหลัง กองทัพบกได้ไป 500,000 ล้านบาท ส่วนกองทัพเรือและกองทัพอากาศได้ 40,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่ากองทัพใช้วิธีจัดสรรงบประมาณตามโควตา 2:1:1 ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์แบบใหม่ อีกทั้งรัฐบาลไม่มีการส่งเสริมให้กองทัพซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากบริษัทผู้ผลิตในประเทศ และไม่ส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ

“ในเมื่อ รมว.กลาโหมไม่กล้าสั่งการเชิงนโยบาย แต่ขอร้องกองทัพให้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ ผมขอยืนยันว่าตราบใดที่นายสุทิน คลังแสง เป็นรมว.กลาโหม อยู่ อนาคตของธุรกิจและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศมีแต่มืดมน รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำอะไรใหม่เลย นี่ไม่ใช่การคิดใหม่ทำเป็น แต่เป็นการ ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ และถ้านายสุทินกับนายเศรษฐายังคงฝืนทำแบบนี้ต่อไป ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ไว้วางใจกองทัพ และไม่เป็นผลดีต่อการจัดสรรงบประมาณ พอกันทีกับการเล่นละครตั้งชื่อซีรีส์ว่าการพัฒนาร่วมกัน ละครแบบนี้หวังมาให้ได้ซึ่งคะแนนเสียงการเลือกตั้งไม่ได้อีกแล้ว เพราะประชาชนเขากินข้าว เขาเลิกกินช็อกมิ้นต์แล้ว” นายวิโรจน์ กล่าว

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงในที่ประชุมสภา ว่า ตนฟังฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานของกระทรวงกลาโหมและกองทัพ ซึ่งเป็นเรื่องเดิมๆ จึงทำให้ตนผิดหวัง ทั้งนี้ ที่จริง นายกฯ ยืนยันกองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่งคั่งของใคร ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องภาพลักษณ์ของกองทัพตกต่ำนั้นเป็นการด้อยค่า เป็นการใช้ไอโอ ตนจึงอยากขอให้เวลาแก่รัฐบาลก่อน เมื่อครบ 4 ปี ประชาชนจะตระหนักดีตอนจบว่าคนที่ใช้ไอโอหรือพยายามครอบงำประชาชนนั้น คือใคร  อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงกลาโหมกำลังพยายามทำ 7 เดือน คือการพัฒนาร่วมกัน ขอให้ทุกคนรอดูผลงาน ส่วนของการขอคืนพื้นที่รัฐบาลทำจนเห็นเป็นผลสำเร็จ กรณีของหนองวัวซอโมเดลแม้เป็นโครงการที่ทำมานานแล้ว แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ อีกทั้งจะนำพื้นที่กองทัพใน จ.ลพบุรี คืนมาเพื่อเอาไปทำระบบชลประทาน โดยรวมแล้วเราจะนำพื้นที่คืนมาเพื่อให้ประชาชนได้มีที่ทำกินมากขึ้น

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการอ้างเรื่องเงินทอนนั้น ถ้าใครมีหลักฐาน ก็ขอให้นำมาแสดง รัฐบาลทำงานด้วยความโปร่งใส การเสนอให้มีการต่อเรือฟริเกตในไทยนั้น แม้เป็นเรื่องดีและน่าสนับสนุน ซึ่งตนเห็นด้วยในหลักการ แต่ยังมีหลายมิติที่รัฐบาลต้องพึงระวัง อาทิ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เราพยายามพูดคุยกันอยู่เพื่อกองทัพได้ของที่ดีที่สุด จากที่ตนฟังการอภิปรายของฝ่ายค้าน เห็นว่าฝ่ายค้านยังมึนงง เพราะฝ่ายค้านเคยบอกว่าให้เอาเรือประมงมารบแทน แต่วันนี้สนันสนุนให้รัฐบาลซื้อเรือรบ ตนจึงขอให้วางวาทกรรมไว้ก่อน และมาดูที่เนื้องาน รวมถึงขอให้ร่วมแนะนำซักถามเพื่อประโยชน์ อาทิ การต่อเรือรัฐบาลพยายามพัฒนากองทัพอย่างโปร่งใส สุจริต เพื่อให้อุตสาหกรรมด้านอื่นๆ จะได้ประโยชน์ด้วย และขอยืนยันว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ