เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) สภาผู้บริโภคและเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค นำโดย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) และ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค เข้ามอบช่อดอกไม้ ให้กำลังใจและสนับสนุน น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องผู้บริโภคและผลประโยชน์ของสาธารณะ หลังโดน บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ฟ้องในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และศาลสั่งประทับรับฟ้องนั้น

น.ส สารี กล่าวว่า สภาผู้บริโภค เห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ พิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ที่ น.ส.พิรงรอง เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ เป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภค โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาข้อร้องเรียน ผู้บริโภคที่ประสบปัญหาการรับชมรายการของช่องโทรทัศน์ดิจิทัลผ่าน Internet TV Box และแอปพลิเคชัน True ID ที่มีโฆษณาคั่นเวลาขณะเปลี่ยนช่องรายการซึ่งทำให้ผู้ชมได้รับความเดือดร้อน และคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า การให้บริการที่มีการนำเอา “ช่องรายการโทรทัศน์ดิจิทัล ของผู้รับใบอนุญาตทั้งช่อง” ไปเผยแพร่ผ่านทางบริการ True ID นั้น อาจขัดต่อประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 ข้อ 14 (23) และเงื่อนไขใบอนุญาตของผู้รับใบอนุญาตโทรทัศน์ดิจทัล ที่กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตตามประกาศดังกล่าว ต้องเผยแพร่ช่องรายการของตนเองผ่านทางผู้รับใบอนุญาตให้บริการโครงข่ายจาก กสทช. เท่านั้น

และยังอาจขัดต่อประกาศ Must Carry ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการช่องรายการ และผู้ให้บริการโครงข่ายต้องนำพาสัญญาณ ไปโดยไม่มีการแทรกเนื้อหาใดๆ (pass through) ด้วย คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติให้สำนักงาน กสทช. มีหนังสือแจ้งให้บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ผู้รับใบอนุญาตช่องโทรทัศน์ดิจิทัลปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ที่เกี่ยวข้องและเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมทั้งมีมติให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่ามีการให้บริการในลักษณะเดียวกับ True ID อีกหรือไม่ และสำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือแจ้งเวียนผู้รับใบอนุญาตช่องรายการให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาต

“การฟ้องคดีของบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เป็นการนำกระบวนการยุติธรรมมาใช้เป็นเครื่องมือ หรือเป็นการฟ้องเพื่อปิดปากไม่ให้ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคและประโยชน์สาธารณะหรือไม่ และอาจไม่ได้มุ่งผลให้ผู้ถูกฟ้องคดีได้รับโทษทางกฎหมายอย่างแท้จริง แต่กระทำเพื่อเป็นการขัดขวางและหน่วงเวลาในการที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทางสภาผู้บริโภคและสมาชิกองค์กรผู้บริโภค จึงมาให้กำลังใจและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ของ กสทช. พิรงรอง และเรียกร้องให้ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด พิจารณาถอนฟ้องโดยเร็ว ที่สุด” น.ส.สารี กล่าว

น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า การที่เอกชนฟ้องหน่วยงานกำกับดูแล ถือว่าเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ และในอดีตก็เคยมีการฟ้องร้อง แต่การฟ้องครั้งนี้ถือว่าผิดขั้นตอน เพราะหากเอกชนเห็นว่าตนเองได้รับความเสียหายควรที่จะไปฟ้องศาลปกครองตามกระบวนการ ไม่ใช่การฟ้องต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งถือว่าเป็นการฟ้องที่ต้องการไม่ให้ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เป็นการทำให้เสียกำลังใจและเสียความรู้สึกในการทำหน้าที่ หากเห็นต่างควรจะถกเถียงโต้แย้งในที่สาธารณะ การใช้กฎหมายครั้งนี้ ไม่สมเหตุสมผล และหากจะใช้กฎหมายก็ต้องใช้ตามขั้นตอนที่ถูกต้องคือฟ้องศาลปกครอง จึงขอให้กำลังใจ กสทช. พิรงรอง ทำหน้าที่ต่อไป

ด้าน น.ส.พิรงรอง กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. มีการออกหนังสือไปยังผู้บริการในลักษณะเดียวกัน ไม่เฉพาะ ทรู ไอดี เท่านั้น ถือว่าเป็นการทำตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ได้เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด อาจจะเป็นความเข้าใจผิดของเอกชน โดยตอนนี้ยังทำหน้าที่ กสทช. ตามปกติอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเอกชน จะมีการโต้แย้งเข้ามาในบอร์ดหรือไม่ โดยตอนนี้ศาลรับฟ้องแล้ว คงต้องรอศาลนัดไต่สวนพยานในช่วงต้นเดือน พ.ค. นี้

ขณะที่ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ที่ปรึกษาของ กสทช. พิรงรอง กล่าวว่า แม้ว่าศาลจะรับฟ้องแล้ว แต่ กสทช. พิรงรอง ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา อย่างไรก็ตาม หากเอกชนจะแย้งว่าเป็นคู่กรณีอาจมีผลต่อการพิจารณาเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทนั้น ก็สามารถทำหนังสือเข้ามาให้บอร์ดพิจารณาได้ถือว่าเป็นสิทธิ โดยที่ประชุมบอร์ดจะพิจารณาอีกครั้ง แต่ให้ข้อสังเกตว่า การฟ้องครั้งนี้ของเอกชน เป็นการฟ้องในการทำหน้าที่ประธานอนุกรรมการฯ ไม่ใช่การทำหน้าที่ กสทช. และ ทรู ไอดี ก็ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ด้วย