เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ต้องสงสัยว่านำเงินงบประมาณของโรงเรียนไปใช้ส่วนตัวและมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายอย่าง จนมีตัวแทนกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนดังกล่าว เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมานั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งการศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 เร่งติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึกในทันที โดยในเบื้องต้น ทาง สพป.ขอนแก่น เขต 4 ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว มารายงานตัวและปฏิบัติราชการที่เขตพื้นที่โดยทันที เป็นเวลา 15 วัน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวน และรายงานต่อ สพฐ. เป็นระยะ นอกจากนี้ได้ทำการประชุมร่วมกับครูในโรงเรียนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ โดยในระหว่างนี้ จะสลับผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีความเหมาะสมเข้าไปปฏิบัติงานในโรงเรียนดังกล่าว เพื่อเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนให้โรงเรียนสามารถเข้าสู่สภาวะปกติ จากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการสืบสวน จะดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และนำเสนอ อกคศ. เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อขออนุมัติย้ายผู้บริหารในกรณีพิเศษเพื่อประโยชน์ของทางราชการต่อไป

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังพบว่ามีประเด็นเรื่องการบริหารของ ผอ.โรงเรียนคนดังกล่าว ก่อให้เกิดการแยกฝักฝ่ายระหว่างผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียนเป็น 2 ฝ่ายด้วย สพป.ขอนแก่น เขต 4 จึงได้ทำการประชุมครูทั้งหมดและผู้มีส่วนร่วม และได้มอบนโยบายให้ครูได้นำไปปฏิบัติ กล่าวคือ ให้ทั้งสองฝ่ายยุติข้อพิพาทและทำงานร่วมกันด้วยความสมัครสมานสามัคคี ทำหน้าที่รักษาประโยชน์ของนักเรียนอย่างเต็มที่ โดยกำชับให้ครูและบุคลากรในโรงเรียน ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ พร้อมทั้ง ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 4 ได้ให้การรับรองความปลอดภัย ขอให้ทุกคนทำงานด้วยความสบายใจ และขอให้แน่ใจว่าความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นกับทุกคน

“ในประเด็นดังกล่าว สพฐ. ได้เน้นย้ำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้ข้อมูลครบถ้วน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และได้กำชับให้คณะกรรมการเร่งสืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลต่อ สพฐ. โดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน รวมถึงนักเรียนและผู้ปกครองที่เกิดความกังวลใจต่อ ผอ.คนดังกล่าว อีกทั้งเรื่องสวัสดิภาพของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงเรื่องความโปร่งใสไร้ทุจริตและประพฤติมิชอบ ก็เป็นเรื่องที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม หากผู้บริหารโรงเรียนประพฤติตนไม่เหมาะสม ก็ยากที่จะพัฒนาการศึกษาให้เกิดคุณภาพกับผู้เรียนได้ ซึ่งก็ต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้กระจ่างเสียก่อน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งนี้ หากพบเหตุที่ไม่เหมาะสมใดๆ ขอให้ส่งข่าวแจ้งเหตุมายัง สพฐ. เราพร้อมดำเนินทุกมาตรการ เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกคนต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว