บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลา ลีกา สเปน ครองแชมป์สโมสรในลีกใหญ่ของยุโรปที่ขายชุดแข่งแบบ “เรปลิกา” หรือเวอร์ชั่นสำหรับแฟนบอลด้วยราคาที่แพงที่สุดร่วมกับ กายารี ทีมในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี โดยมีราคาเฉลี่ยเท่ากันอยู่ที่ตัวละ 81.64 ปอนด์ (ราว 3,732 บาท) ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีราคาเสื้อแข่งเฉลี่ยตัวละ 64.95 ปอนด์ ซึ่งแพงสุดเป็นอันดับที่ 60 ของลีกยุโรปเท่านั้น

แม้ชุดแข่งของ “ผีแดง” จะเป็นที่ต้องการของแฟนบอลมากขึ้นกว่าเดิมถึง 3,000 เปอร์เซ็นต์ หลังจากได้ คริสเตียโน โรนัลโด มาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ราคาเสื้อแข่งแบบ “เรปลิกา” ของทีมเฉลี่ยยังอยู่ที่ตัวละ 64.95 ปอนด์เท่านั้น ขณะที่สโมสรที่ขายเสื้อแพงสุดเป็น “บาร์ซา” และทีม “ชาวเกาะ” จากแดนมะกะโรนี ส่วนสโมสรที่ขายเสื้อแข่งด้วยราคาเฉลี่ยถูกสุดใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป คือ “ม่วงมหากาฬ” ฟิออเรนตินา ที่ขายเสื้อแข่งอยู่ด้วยราคาเฉลี่ยตัวละ 33.52 ปอนด์ (ราว 1,532 บาท) เท่านั้น ส่วนอีก 4 สโมสรที่อยู่ใน 5 อันดับแรกของสโมสรที่ขายเสื้อแข่งถูกที่สุดนั้น ประกอบด้วย เบิร์นลีย์ (45 ปอนด์), เบรนท์ฟอร์ด (48 ปอนด์), คริสตัล พาเลซ (50 ปอนด์) และ นอริช ซิตี (50 ปอนด์)

นอกจากนี้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังเป็นลีกที่ขายเสื้อแข่งด้วยราคาเฉลี่ยทั้งลีกถูกที่สุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป โดยเฉลี่ยอยู่ที่ตัวละประมาณ 58 ปอนด์ (ราว 2,651 บาท) โดยทีมที่ขายเสื้อเฉลี่ยแพงที่สุดในลีกแดนผู้ดีคือ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ (70 ปอนด์) ตามด้วย เชลซี และ ลิเวอร์พูล (69.95 ปอนด์) ส่วนลีกที่ขายเสื้อเฉลี่ยแพงที่สุดในบรรดาลีกใหญ่ของยุโรป คือ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตัวละ 70 ปอนด์ (ราว 3,200 บาท)

เครดิตภาพ : AP