จากกรณี คณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับ ป.ป.ท.เขต 4 และ ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่สอดส่องโครงการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง งบ 148 ล้านบาท “สร้าง 7 ชั่วโคตรยังไม่เสร็จ” ร้องเรียนหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่สร้างต่อ แม้กรมโยธาฯ ขยายเวลาให้จนใกล้ครบสัญญาแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันตรวจสอบโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแก่งดอนกลาง งบ 39 ล้านบาท ซึ่งพบว่าเป็นผู้รับเหมารายเดียวกัน ด้านชาวบ้านแฉซ้ำ ตั้งแต่ร้องเรียนทั้ง 2 โครงการ ไม่เคยเห็นบริษัทรับเหมามาทำงานก่อสร้างต่อ ทำให้เกิดปัญหาสะสมเรื้อรังมานานกว่า 5 ปี ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจเมืองกาฬสินธุ์ พังยับกว่า 750 ล้านบาท

นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่สอดส่องของคณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับ ป.ป.ท.เขต 4 และ ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ยังได้พบอีก 8 โครงการ ที่มาในลักษณะเดียวกัน งบประมาณเกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งทำงานล่าช้าเกินกำหนดในสัญญา และมีการเบิกจ่ายไปบางส่วน ในขณะที่ผู้รับเหมากว่า 50 ราย และชาวบ้าน ผู้ประกอบการ เตรียมตบเท้าแจ้งความเอาผิดบริษัทใหญ่ และวอนกรรมาธิการ ป.ป.ช.-ปปง. สภาผู้แทนราษฎร อภิปรายปัญหานี้ในสภา ล่าสุด ป.ป.ท.เขต 4 ขอนแก่น สายตรงถึงศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ร่วมสางปัญหา ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมในการต่อต้านการทุจริต ป.ป.ท.เขต 4 จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะกรรมาธิการ จ.กาฬสินธุ์ (กธจ.) กล่าวว่า จากการที่คณะทำงานเครือข่ายภาคประชาชนฯ และคณะ กธจ.กาฬสินธุ์ ได้ลงพื้นที่สอดส่องโครงการก่อสร้างระบบท่อระบายน้ำฯ และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแก่งดอนกลาง ร่วมกับผู้อำนวยการ ป.ป.ท.เขต 4 พร้อมคณะ และ ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ยังได้รับรายงานว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้จัดโครงการมาลงในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ อีก 8 โครงการอีกด้วย ซึ่งทุกโครงการมีการเบิกจ่ายตามงวดงานไปแล้ว ตั้งแต่ 5-50 ล้านบาท และก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา โดยมีการขยายเวลาออกไป รวมทั้งไม่มีการปรับ กรณีทำงานไม่เสร็จตามสัญญาอีกด้วย ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างความสงสัยให้กับชาวบ้านและคณะ กธจ. เป็นอย่างมาก

นายชาญยุทธ กล่าวอีกว่า สำหรับ 8 โครงการนั้น มีการเปิดเผยเบื้องต้น 6 โครงการ งบประมาณรวม 370,741,000 บาท ที่หากรวมกับโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำฯ 148,000,000 บาท และโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง 39,540,000 บาท รวมทั้งหมดจำนวน 558,281,000 บาททีเดียว ซึ่งเป็นงบประมาณที่กรมโยธาธิการฯ กระทรวงมหาดไทย ได้อนุมัติให้ จ.กาฬสินธุ์ เป็นโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ ในช่วงปี 2562 เป็นต้นมา เพื่อให้ จ.กาฬสินธุ์ เจริญก้าวหน้าตามศักยภาพ โดยผู้รับงานนี้ เป็นผู้รับเหมาที่ได้งานจากกรมโยธาฯ แต่ที่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ โดยทำงานในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และมีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างบางส่วนไปแล้ว

“สำหรับอีก 6 โครงการที่รับรายงานเพิ่มเข้ามา ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งริมลำน้ำปาว หน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ งบประมาณ 108,800,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 12 ก.ย. 62 สิ้นสุดสัญญา 30 ก.ย. 64 แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 ถึงวันที่ 5 ม.ค. 67 ผลงาน 79% ช้ากว่าแผน -21% เบิกจ่าย 50,377,600 บาท 2.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี วัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ งบประมาณ 59,306,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย. 63 สิ้นสุดสัญญา 9 พ.ย. 65 ขยายเวลาจาก 10 ส.ค. 65 จำนวน 91 วัน แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 บาทถึงวันที่ 10 ส.ค. 67 ผลงาน 26.22% ช้ากว่าแผน -73.78% เบิกจ่าย 14,978,900 บาท 3.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะ 2) วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ งบประมาณ 59,270,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย. 63 สิ้นสุดสัญญา 10 ต.ค. 65 ขยายระยะเวลา 73 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 65 แก้ไขสัญญา ค่าปรับเป็น 0 ถึงวันที่ 10 ส.ค. 67 ผลงาน 45.77% ช้ากว่าแผน -54.23% เบิกจ่าย 21,930,500 บาท” นายชาญยุทธ กล่าว

นายชาญยุทธ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ยังมี 4.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว บริเวณซอยน้ำทิพย์ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ งบประมาณ 59,350,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 10 ก.ย. 64 สิ้นสุดสัญญา 10 ส.ค. 66 แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 บาท ถึงวันที่ 14 มิ.ย. 67 ผลงาน 1.65% ช้ากว่าแผน -64.37% เบิกจ่าย 8,902,500 บาท 5.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี บ.หนองหวาย-บ.หนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ งบประมาณ 39,525,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 23 ก.ย. 65 สิ้นสุดสัญญา 8 ก.พ. 67 ผลงาน 0% ช้ากว่าแผน 0% เบิกจ่าย 5,928,750 บาท และ 6.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำพาน ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ งบประมาณ 44,490,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 23 ก.ย. 64 สิ้นสุดสัญญา 4 ก.ค. 66 แก้ไขสัญญาค่าปรับเป็น 0 บาท ถึงวันที่ 10 เม.ย. 67 ผลงาน 15% ช้ากว่าแผน -59% เบิกจ่าย 11,753,000 บาท

“ส่วนอีก 2 โครงการ ยังไม่ได้รับการเปิดเผยข้อมูล ทั้งนี้คณะกรรมาธิการจังหวัดและ ป.ป.ท.-ป.ป.ช. ยังให้ข้อสังเกตถึงการทำงานที่ไม่แล้วเสร็จด้วยว่า เหตุใดโครงการที่ทำง่านไม่เสร็จตามกำหนดในสัญญาจึงไม่ถูกปรับ ผิดกับการรับเหมาเจ้าอื่น ที่หากก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ จะต้องมีค่าปรับ รวมทั้งบางโครงการความคืบหน้า 0% ซึ่งเท่ากับว่ายังไม่ลงมือทำงาน กลับมีการเบิกจ่ายแล้วกว่า 5 ล้านบาท จึงได้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ปกติดังกล่าว และอยากเรียกร้องไปถึงผู้ที่ส่วนเกี่ยวข้องได้ออกมาชี้แจง ทั้งการขยายเวลา โดยไม่เสียค่าปรับ และเบิกจ่ายก่อนในบางโครงการด้วย เพราะสังคมต้องการคำตอบอยู่” นายชาญยุทธ กล่าวในที่สุด

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง มีการดำเนินโครงการก่อสร้างต่าง ๆ อาทิ โครงการพัฒนาเมือง โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำชุมชน และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำ ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างหลายโครงการที่ประสบปัญหาล่าช้า ไม่เป็นไปตามกรอบเวลา ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน และเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างมาก ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน

โดยนายพงศ์รัตน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้มีการประชุมติดตามความก้าวหน้า รับฟังปัญหา พร้อมให้คำเสนอแนะในการดำเนินงานมาโดยตลอด รวมทั้งมีหนังสือแจ้งเร่งรัดการก่อสร้างไปยังผู้รับจ้างของกรมทุกโครงการ และได้กำหนดมาตรการเข้ม ในการเร่งรัดการก่อสร้าง ดังนี้ 1. เร่งแก้ไขส่วนที่สร้างผลกระทบต่อประชาชน-กรณีโครงการที่ล่าช้ากว่าแผนงาน ให้เร่งดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่สร้างผลกระทบต่อประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน 2.สำหรับผู้รับจ้างที่ทำงานล่าช้ามากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดจะดำเนินการขึ้นบัญชี Black list ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถยื่นประมูลงานของกรมต่อไปได้ และ 3.สำหรับผู้รับจ้างที่ทำงานล่าช้า จนเป็นเหตุอันเชื่อได้ว่า ไม่สามารถทำงานให้เสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน จะดำเนินการบอกเลิกสัญญา และหาผู้รับจ้างรายใหม่ที่มีประสิทธิภาพที่พร้อมดำเนินงานทันที

“กรมฯ มีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างให้ออกมาด้วยความเรียบร้อย มีคุณภาพ ปลอดภัยตามมาตรฐานทางวิศวกรรม คุ้มค่ากับการใช้งาน และสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน พร้อมกับย้ำชัดว่า กรมฯ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้า และจะดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการทำงานของกรมโยธาธิการและผังเมือง” นายพงศ์รัตน์ กล่าว.