“ขยะอาหาร” เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ!!

จาก ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ขยะในไทยกว่า 60% เป็นขยะอาหาร โดยเมื่อปี 65 มีขยะอาหารในไทยราว 17 ล้านตัน จากการเน่าเสียและร่วงหล่นในซัพพลายเชน รวมถึงขยะจากผู้ค้าปลีก ร้านอาหาร และผู้บริโภค

จากตัวเลขดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกคนต้องหันมาสนใจปัญหาขยะอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขยะเหล่านี้สามารถนำมารีไซเคิลสามารถทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

โดยในกรุงเทพทหานคร มีขยะอาหารเพียงราว 2% เท่านั้น ที่สามารถนำมารีไซเคิลได้ส่วนที่เหลือถูกนำไปฝังกลบ อย่างไม่ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย ดังนั้นขยะอาหารจำนวนมากมายมหาศาลเหล่านี้ ก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!?!

ผู้ค้าปลีกก็มักประสบปัญหาในด้านการจัดการขยะ โดยเฉพาะอาหารสด วีธีแก้ปัญหาทางหนึ่ง คือ ต้องนำมาลดราคา แต่หากยังจำหน่ายไม่ได้ ก็ต้องปล่อยทิ้งให้เน่าเสียในที่สุด

ทั้งนี้ ข้อมูลจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ระบุว่า การผลิตและบริโภคอาหาร เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดการสูญเสียของธรรมชาติ ระบบจัดการอาหารที่แยกส่วนกันและยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก ก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ขยะอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพลังงานและน้ำที่ใช้ในขั้นตอนการผลิตอาหาร การเก็บเกี่ยว การขนส่ง และการบรรจุ

ขณะที่ กรมควบคุมมลพิษได้วางแผนงานที่จะลดอัตราส่วนของขยะอาหารในขยะมูลฝอยชุมชนจาก 39% ให้เหลือต่ำกว่า 28% ภายในปี 70 โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคเป็นหลัก

ปัญหา “ขยะอาหาร” สามารถแก้ไขได้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยได้อย่างไรวันนี้มีคำคอบ?

“อนนิ โรติโอะ” ผู้อำนวยการฝ่ายขายของรีเล็กซ์ โซลูชันส์ บอกว่า ขยะอาหารเป็นปัญหาสำคัญ การที่จะสามารถแก้ไขได้ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้คนทุกฝ่าย เริ่มตั้งแต่ คนที่สั่งอาหารมาบริโภค ต้องมีปริมาณพอดีเพื่อลดปริมาณขยะ ไปจนถึงผู้ค้าปลีกยังสามารถใช้ระบบอัตโนมัติด้านค้าปลีก เพื่อช่วยลดปัญหาขยะอาหารในไทยได้อย่างเห็นผลชัดเจน

“ระบบอัตโนมัติยังทำให้กระบวนการสินค้าคงคลังทุกส่วนลื่นไหล เพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการสั่งซื้อ และลดภาระการจัดการโดยมนุษย์ ทำให้ได้ระบบค้าปลีกที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติ ยังช่วยลดปริมาณอาหารส่วนเกินได้ก่อนที่จะกลายเป็นของเสีย โดยการลดอาหารล้นสต๊อก และคาดการณ์ความต้องการได้อย่างแม่นยำ”

ภาพ pixabay.com

ระบบอัตโนมัติด้านค้าปลีก สามารถเข้ามาช่วยลดขยะอาหารได้ในหลายด้าน ด้วยคุณสมบัติ

 การคาดการณ์ความต้องการ

ระบบอัตโนมัติช่วยให้ผู้ค้าปลีกประเมินความต้องการของลูกค้าและปรับระดับสินค้าคงคลังได้เหมาะสมและสอดคล้องตามความต้องการของผู้บริโภค เช่น คาดการณ์ความผันผวนของความต้องการ ลดปัญหาสินค้าล้นสต๊อก ลดจำนวนอาหารเหลือทิ้งและเน่าเสีย โดยทั้งหมดนี้ทำได้ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลและความสามารถของแมชชีนเลิร์นนิง ซึ่งนำไปสู่การลดขยะอาหารได้ในที่สุด

การติดตามวันหมดอายุโดยอัตโนมัติ 

นอกจากช่วยปรับปรุงการบริหารจัดการสินค้าคงคลังโดยเฉพาะในเรื่องการหมุนเวียนสต๊อกสินค้าแล้ว ยังสามารถติดตามและจัดการอายุการเก็บรักษาสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดโอกาสการเกิดภาวะสินค้าล้นสต๊อก ทั้งยังป้องกันสินค้าหมดอายุไม่ให้เน่าเสียอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดกระบวนการ และขั้นตอนต่างๆ ที่ต้องจัดการด้วยพนักงาน และให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อใช้ในการตัดสินใจด้านการลด ขยะอาหารและปรับปรุงการหมุนเวียนสินค้า

บริหารจัดการสินค้าคงคลังอัจฉริยะ

ระบบยังสามารถแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อสินค้าคงคลังอยู่ในระดับต่ำเกิดการล่าช้าในการจัดส่งหรือเกิดภาวะสินค้าล้นสต๊อก นอกจากนี้ ยังคอยติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าคงคลังเพื่อค้นหารายการสินค้าที่จำหน่ายยากหรือเก่าเก็บ

โดยทั้งหมดทำได้ผ่านซอฟต์แวร์ระบบติดตามอัตโนมัติที่ช่วยคงสถานะสินค้าคงคลังแบบ JIT (Just In Time/แบบทันเวลาพอดี) ได้ตามที่ต้องการ ที่สำคัญกลยุทธ์การจัดหาสินค้าที่มีข้อมูลเข้ามาช่วย ในการตัดสินใจ จะช่วยลดความเสี่ยงสินค้าล้นสต๊อก นำไปสู่การลดปัญหาสินค้าเน่าเสียและหมดอายุได้ในที่สุด!!

ภาพ pixabay.com

ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีมาช่วยการวางแผนซัพพลายเชนขั้นสูงนั้น สามารถช่วยให้ผู้ค้าปลีกลดขยะอาหาร เพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ ปรับปรุงระบบสั่งซื้อของร้าน ติดตามสถานะสินค้าหมดอายุ โดยช่วยลดขยะอาหาร ได้ 10-40% โดยที่ยังคงรักษาผลกำไรและจำนวนสินค้าบนชั้นวางได้ในระดับเดิม

จากรายงานล่าสุดของรีเล็กซ์ โซลูชันส์ ระบุว่า เมื่อปีที่ผ่านมา การทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบริษัทช่วยให้ลูกค้ากลุ่มค้าปลีกอาหารทั่วโลกลดขยะอาหารได้กว่า 280 ล้านกิโลกรัม ในฝั่งซัพพลายเชน หรือคิดเป็น CO2 มากกว่า 950,000 เมตริกตัน ซึ่งเป็นผลจากการคาดการณ์ที่แม่นยำและการปรับปรุงสินค้าคงคลัง ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การใช้โซลูชันระบบอัตโนมัติ นอกจากส่งผลดีด้านต่อสิ่งแวดล้อม จากการลดขยะอาหารแล้ว ยังช่วยลดการใช้พลังงานและปรับปรุงเส้นทางการขนส่ง ช่วยเรื่องลดปัญหามลภาวะลงด้วย

ขณะเดียวกันในยุคปัจจุบัน ที่คนไทยหันมาสนใจและเห็นความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสายกรีนในตลาดมีจำนวนเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการค้าปลีก จึงต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติให้สอดรับกับความต้องการดังกล่าว เพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและใส่ใจต่อความยั่งยืน

นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญ คือ การใช้ระบบอัตโนมัติมาช่วย ยังทำให้พนักงานมีเวลาจัดการกับงานที่ให้มูลค่า มากกว่านำไปสู่การลดต้นทุนโดยรวมได้ด้วย!?!

Cyber Daily