เมื่อวันที่ 1 เม.ย.นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้รับมอบหมายจากว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ให้ดูแลรับผิดชอบเรื่องการพัฒนาบริหารงานบุคคลนั้น ขณะนี้ได้มีการประกาศปฎิทินเปิดรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  ปี 2567 กว่า 3,000 อัตรา ในวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากประกาศรับสมัครและตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์สอบเสร็จสิ้น จะดำเนินการจัดสอบระหว่างวันที่ 4-5 พ.ค. ดังนั้นในวันที่ 14 พ.ค.จะมีครูที่สอบบรรจุได้เข้าไปอยู่ในโรงเรียนที่ขาดอัตรากำลัง เพราะเป็นนโยบายของพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ที่ต้องการให้การบริหารจัดการด้านอัตรากำลังครูและผู้บริหารที่ขาด หรือแม้กระทั่งการย้ายครูจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ดังนั้นในวันที่ 14 พ.ค.ระบบบริหารงานบุคคลด้านต่างๆของโรงเรียนจะต้องเสร็จสิ้นทั้งหมด

รองเลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กนั้น ที่ผ่านมาสพฐ.ได้มีการประชุมชี้แจงกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกแห่งไปแล้วว่า ระบบงานจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนตั้งแต่ 60 คนลงมาให้โอนอำนาจระบบการจัดซื้อจัดจ้างไปให้เขตพื้นที่บริหารจัดการแทน เพื่อบรรเทาภาระครู ซึ่งจะทำให้ครูได้มีหน้าที่หลักของการจัดการเรียนการสอนอย่างแท้จริง และไม่ทำให้นักเรียนเสียโอกาสที่จะได้เรียน เพราะไม่ใช่ครูจะต้องมาทำหน้าที่อื่นนอกเหนือจากการงานสอน เนื่องจากครูจะต้องวิ่งไปทำงานธุรการ งานจัดซื้อจัดจ้าง หรือแม้กระทั่งบริหารงบอาหารกลางวัน แต่ขณะนี้มีหลายเขตพื้นที่แจ้งว่า ยังไม่มีความพร้อมในการทำระบบจัดซื้อจัดจ้างแทนโรงเรียน หรือโรงเรียนขนาดเล็กบางแห่งอยากที่จะทำระบบจัดซื้อจัดจ้างเอง ซึ่งสพฐ.ได้กำชับทำความเข้าใจไปใหม่แล้วว่า หากมีปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นก็ให้เป็นความสมัครใจแทน ดังนั้นหากเขตพื้นที่ไหนพร้อมก็ให้เข้ามาช่วยดำเนินการให้ แต่ต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างโปร่งใส โดยจะต้องดำเนินการเรื่องจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกต้องตามระเบียบ และทำให้โรงเรียนเกิดประโยชน์ได้ของที่มีคุณภาพ