เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือทนายตั้ม เดินทางมายัง สน.เตาปูน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ “บิ๊กต.” กับภรรยา และบัญชีม้าอีกสองคนรวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน พร้อมนำพยานหลักฐานที่แถลงข่าวก่อนหน้านี้ มายื่นดำเนินคดีด้วย

โดยทนายตั้ม เปิดเผยว่า พยานหลักฐานที่ตนนำมาในวันนี้นั้น เป็นชุดเดียวกันกับที่ตนไปยื่นให้กับ ปปป. จำนวน 175 แผ่น ส่วนที่ “บิ๊กต.” ถอนแจ้งความหมิ่นประมาทกับตนนั้น อาจจะเป็นเพราะกลัวว่า ตนต้องไปขอเอกสารเส้นทางการเงินจากธนาคารของเครือญาติ “บิ๊กต.” อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตนจะไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอคัดคำฟ้องตรวจสอบว่าในคำฟ้องมีการกล่าวหาที่เป็นเท็จกับตนหรือไม่อย่างไร

ทนายตั้ม เปิดเผยอีกว่า ตนขอเลื่อนการเข้ายื่นเอกสารต่อ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จากช่วงบ่ายวันนี้เป็นวันพุธ เนื่องจาก นายชัยธวัช ติดราชการ ส่วนเวลาจะแจ้งให้ทราบภายหลัง อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาแจ้งความของตนในวันนี้ (1 เม.ย. 67) ที่ยังไม่แจ้งความใน ม.157 เพราะเกรงว่าสำนวนคดีจะถูกส่งไปยัง ป.ป.ช. โดยการมาดำเนินคดีในครั้งนี้ เป็นการแจ้งความในฐานะตนเอง ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้น ในส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะดำเนินคดีอย่างไรผ่าน ป.ป.ช. ก็เป็นส่วนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เอง ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน หลังจากที่เมื่อวานนี้ตนให้การกับ ปปป. แล้ว ก็คาดว่าน่าจะมีการออกหมายเรียกพยานในคดีมาให้การเพิ่มเติมภายในวันพุธหรือพฤหัสบดีนี้

ทนายตั้ม เผยอีกว่า ตนจะติดตามการดำเนินคดีไปให้ถึงที่สุด หากมีพยานหลักฐานใหม่ก็จะนำเข้ามาสู่กระบวนการ รวมทั้งจะติดตามการทำงานของพนักงานสอบสวนว่า ทำตามในสิ่งที่ควรจะทำหรือไม่ ถ้าพนักงานสอบสวนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนต่อไปด้วย เพราะถือว่าตนคิดดีแล้วว่าจะทำสิ่งนี้และมีพยานหลักฐานที่มั่นใจเพียงพอได้ว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้จริง

“ผมมีความมั่นใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนในคดีนี้ไม่มากนัก แต่หลังจากนี้ผมจะทำคำให้การยื่นประเด็นให้พนักงานสอบสวนนำไปสอบสวนในประเด็นใดบ้าง” ทนายตั้มกล่าว

ทนายตั้ม ยังตั้งคำถามไปถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ทำไมยังนิ่งเฉยกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับแวดวงตำรวจ ซึ่งหากเป็นผู้นำรัฐบาลต่างประเทศ ก็ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับผู้บัญชาการระดับสูงของประเทศนั้นๆ แล้ว หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต เชื่อว่าหากตนยื่นเอกสารไปยังนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะถูกเพิกเฉยวางซองไว้บนโต๊ะ ไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้มีเพียงแต่ฝ่ายค้านเท่านั้นที่ติดต่อขอข้อมูล และให้ความสนใจในประเด็นที่เกิดขึ้น เพราะฝ่ายค้านเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ ซึ่งเรื่องส่วยถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ โดยตนรู้สึกอุ่นใจที่นักการเมืองฝ่ายค้านลงมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะถือเป็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ

ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะยังคงตรวจสอบเส้นทางการเงินของ “บิ๊กต.” กับเครือญาติต่อไป โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่บริจาคทำบุญตามวัดต่างๆ ซึ่งตอนนี้มีคนแจ้งข่าวมาว่า มีการบริจาคให้อีก 2-3 วัด โดยยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ เพราะพบว่ามีการโอนผิดปกติหลายครั้ง ซึ่งมีพฤติการณ์คล้ายคลึงกับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีที่มีการเปิดโปงไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังพบเส้นทางการเงินที่ให้เงินแก่คนในครอบครัวเป็นรายเดือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมปราบปรามผู้ทำความผิด

ส่วนสาเหตุที่ตนเลือกแจ้งความที่ สน.เตาปูน เพราะเนื่องจากสถานีตำรวจแห่งนี้ รับทำคดีเว็บพนัน BNK Master จึงเชื่อว่า น่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ในระดับหนึ่งที่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินสายอื่นๆ ได้ ซึ่งตนก็อยากให้ทางตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดก่อน แม้ว่าถ้าหากคดีเว็บพนัน BNK Master ถึง ป.ป.ช. เมื่อไหร่ ตนรู้สึกอุ่นใจมากกว่า แต่ก็กังวลว่าอาจจะทำงานช้ากว่าการทำงานของตำรวจ

ทนายตั้ม กล่าวทิ้งท้ายว่า ยอมรับว่ากลัวในเรื่องของความปลอดภัย เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครมาดูแลเรื่องความปลอดภัยของตน มีแต่ทางผู้นำฝ่ายค้านที่มาถามห่วงใยตนในเรื่องนี้ ช่วงนี้ตนก็ต้องดูแลตัวเองไปก่อน แต่ถึงขั้นเอาตำรวจมาดูแลหรือไม่ ตนว่าไม่จำเป็น เพราะยิ่งตำรวจมาดูแล ตนยิ่งกลัว หลังจากนี้เป็นไปได้ ตนจะยื่นอีกหลายหน่วยงาน เช่น ปปง. เพื่อให้ทางรัฐบาลได้ตรวจสอบและลงมาเห็นเรื่องนี้จริงจัง แต่ถ้าหากภาครัฐไม่สนใจไยดีเรื่องนี้ ตนก็ต้องเดินเรื่องด้วยตนเอง ซึ่งในวันพุธนี้ ตนได้นัดหมาย พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ที่จะยื่นให้มีการตรวจสอบวินัยตำรวจด้วย.