รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังให้มีการขาดดุลงบประมาณในปี 68 เพิ่มอีกเป็นวงเงินประมาณ 1.5 แสนล้านบาทเศษ จากเดิมที่ตั้งงบประมาณขาดดุลฯไว้ 7.13 แสนล้านบาท รวมเป็นการขาดดุลงบประมาณปี 68 ประมาณ 8.63 แสนล้านบาทเศษ ซึ่งจะเป็นการขาดดุลฯเพื่อรองรับการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะขาดดุลงบประมาณสูงระดับนี้แค่เพียงปีงบประมาณเดียว ส่วนวงเงินที่เหลืออีกประมาณ 3.5 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะมาจากแหล่งเงินใดบ้าง แต่จะมีจากการโอน พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 การใช้งบกลางฯบางส่วน รวมทั้งยังไม่ตัดเรื่องของการออก พ.ร.บ.กู้เงินฯออกไปแต่จะใช้การกู้เงินในวงเงินน้อยลง

ขณะนี้จะต้องมีการหารือกันอีกครั้งระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะภายหลังจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณฯ 67 ประกาศใช้ก็จะมีความชัดเจนในเรื่องของประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณ หากมีการเบิกจ่ายไม่ได้ตามเป้าหมาย หรือล่าช้ามากรัฐบาลก็จะโอนงบประมาณส่วนนี้กลับมาได้มาก

ทั้งนี้การปรับกรอบการคลังระยะปานกลางเนื่องจากมีการขาดดุลงบประมาณในปี 68 เพิ่มอีก 1.5 แสนล้านบาท จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ทันที ส่วนการเรียกประชุม 4 หน่วยงานเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีขึ้นภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้วันที่ 9 เม.ย.จะสามารถเสนอให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 ที่มีการปรับปรุงใหม่ได้ตามปฏิทินงบประมาณที่กำหนดไว้

แผนการคลังระยะปานกลาง เป็นการปรับตามกรอบความเหมาะสมของภาวะเศรษฐกิจเนื่องจากในปี 67 ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆเริ่มชะลอตัวลง โดย สศช.ก็บอกว่าเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะโตได้แค่ประมาณ 2.7% แต่กรอบการคลังระยะปานกลางนั้นเราทำตั้งแต่ปีก่อนซึ่งสูงกว่านี้ ดังนั้นก็ต้องดูว่าจะมีการรองรับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เพราะต้องมีเม็ดเงินตัวหนึ่งไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้