ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้ ภายหลังจากการจัดงานกีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากผลการแข่งขันแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานที่มักได้รับความสนใจคือ การแปรอักษร การเดินขบวนพาเหรดล้อการเมืองไทยของทั้งสองสถาบัน แต่ปรากฏว่าในการเดินพาเหรดของฝั่งจุฬาฯ ได้มีการอัญเชิญ “พระเกี้ยว” ขึ้นตั้งไว้บนหลังคารถกอล์ฟพร้อมแห่ไปในขบวน จนเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
-‘เข็มทอง’ หยิกแรงปม ‘พระเกี้ยว’ ลั่นน่าจะให้ผู้ใหญ่ไปแบกเอง
-‘จุลเจิม’ ลั่นเห็นแล้วหดหู่ใจ! นิสิตจุฬาฯวางพระเกี้ยวบนหลังคารถกอล์ฟ

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย. แฟนเพจ “Chula BAKA” ได้ออกมาชี้แจง ระบุว่า “พระเกี้ยว เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภาคภูมิใจ” สืบเนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัยที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัย

โดยขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลสานสัมพันธ์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ 2024 ในครั้งนี้ เหล่านิสิตได้ตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการคัดสรรสัญลักษณ์ ตัวแทนแห่งองค์ความรู้ของศาสตร์แขนงต่างๆ มารายล้อมในขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว อันประกอบไปด้วย
-เข็มฉีดยาและขวดชมพู ตัวแทนของ วิทยาศาสตร์สุขภาพและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
-หนังสือเล่มหนา ตัวแทนของ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
-ไม้ฉากเรขาคณิต ตัวแทนของ คณิตศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์
-เกียร์ ตัวแทนของ วิศวกรรมศาสตร์
-สเลทฟิล์ม ตัวแทนของ นิเทศศาสตร์
-ดัมเบล ตัวแทนของ วิทยาศาสตร์การกีฬา
-จานสี ตัวแทนแห่งศาสตร์ศิลปะ

โดยสัญลักษณ์เหล่านี้ที่อยู่รายล้อมพระเกี้ยวกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยรถไฟฟ้า เปรียบเสมือนองค์ความรู้ที่อยู่คู่กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้พัฒนาวงการต่าง ๆ ในประเทศไทยและในระดับโลก ในทุกยุคสมัย ขณะเดียวกันก็ได้กลับมาโอบอุ้มให้มหาวิทยาลัยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงแข็งแรง สอดรับกับพันธกิจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย

นอกจากนี้ อีกสิ่งประดับตกแต่งขบวนที่ทุกท่านเห็นได้ก็คือ “อะตอม” ที่สื่อถึงส่วนประกอบเล็กๆ ที่เมื่อรวมกันจะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของนิสิต บัณฑิต และบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ร่วมแรงร่วมใจไปสู่การเป็นสถาบันเสาหลักที่ยั่งยืนของประเทศ

อีกทั้งขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในครั้งนี้ ยังถูกตกแต่งด้วยดอกไม้จากพลาสติกที่ใช้แล้ว นำกลับมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างสอดคล้องกับแนวคิดของงานนั่นคือ Unity to Sustainability และร้อยเรียงเป็น “พวงดอกกล้วยไม้ที่ผลิบาน” ดั่งโบราณว่า “กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม”
ทั้งนี้ ทางคณะผู้จัดงาน น้อมรับฟังทุกความคิดเห็น และยินดีนำไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Chula BAKA