นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ในปี 66 มีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ 14,449 หน่วย เพิ่มขึ้น 25%  มูลค่า 73,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด โดยผู้ซื้อสัญชาติจีนเป็นกลุ่มที่ซื้อมากที่สุด ทั้งหน่วยและมูลค่า โดยมีสัดส่วนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์เป็น 45.8%  รองลงมาคือ รัสเซีย  สหรัฐฯ และ พม่า โดยห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นที่นิยมมากสุด 49.4%  ขณะที่ขนาดห้องที่นิยมมากสุดคือ 31-60 ตารางเมตร ส่วนจังหวัดที่มีโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติสูงสุด คือ ชลบุรี  

“การซื้อห้องชุดของคนต่างชาติมีการปรับเพิ่มขึ้นทั้งสัดส่วนหน่วยและมูลค่า โดยหากพิจารณาดูจำนวนค่าเฉลี่ยของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในปี 66 พบว่า อยู่ที่ 3,600 หน่วยต่อไตรมาส ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด ที่มีจำนวนอยู่ที่ประมาณ 3,300 หน่วยต่อไตรมาส แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะที่ดีและเริ่มเป็นปกติแล้ว โดยที่น่าสนใจ ชาวพม่ายังคงมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงสุดที่ 6.6 ล้านบาท”

สัญชาติคนต่างชาติที่รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจำนวนมากสุด คือ

  • ชาวจีน  6,614 หน่วย
  • รัสเซีย  1,260 หน่วย 
  • สหรัฐอเมริกา 631 หน่วย 
  • เมียนมา 564 หน่วย
  • ไต้หวัน 532 หน่วย

ส่วนมูลค่าการโอนมากสุด

  • ชาวจีน  34,132 ล้านบาท 
  • รัสเซีย 4,455 ล้านบาท 
  • เมียนมา 3,707 ล้านบาท
  • สหรัฐอเมริกา 3,227 ล้านบาท
  • ไต้หวัน 2,908 ล้านบาท   

สำหรับจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติสูงสุด ในปี 66 จังหวัดที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ชลบุรี กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และสมุทรปราการ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ ชลบุรี มีจำนวน 5,935 หน่วย และกรุงเทพฯ 5,484 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.0 ตามลำดับ โดยทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันสูงถึง 79%