เมื่อวันที่ 4 เมษายน 67 สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชน ในหัวข้อ “ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” โดยได้มองแนวโน้มตลาดยานยนต์ปี พ.ศ. 2567 เติบโตต่อเนื่องตามเศรษฐกิจไทยจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ

นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่าในปีนี้คาดการณ์การผลิตรถยนต์ของไทยโดยรวมที่ 1.9 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 3.17% แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 750,000 คัน และผลิตเพื่อส่งออก 1.15 ล้านคัน สำหรับตัวเลขรถจักรยานยนต์ คาดการณ์ยอดผลิตที่ 2.12 ล้านคัน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 0.03% การผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออกมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะตะวันออกกลาง ประเทศซาอุดิอาระเบียที่เปิดให้ผู้หญิงขับรถได้ แอฟริกาที่ยังนำเข้าต่อเนื่อง รวมไปถึงออสเตรเลียด้วย

ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขายรถยนต์ในประเทศที่ทำให้ปรับลดลงเหลือเพียง 750,000 คัน จากปี 66 ที่มียอดขาย 776,000 คัน และโดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน หนี้เสีย ที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีผลต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่คงความเข้มงวด  รถยนต์มือสองราคาตก เนื่องจากปริมาณซัพพลายล้นตลาด ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและยาวนาน เช่น ความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน เป็นต้น

“หนี้ที่อยู่อาศัย หนี้บัตรเครดิต และหนี้รถ หนี้เสียที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบตลาดรถจักรยานยนต์และรถกระบะ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีรายได้ไม่สูงมาก ประกอบกับข้อจำกัดของสถาบันการเงินที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อยิ่งขึ้น”

นอกจากนี้ยังมีประเด็นในเรื่องนโยบายและกฎระเบียบด้านยานยนต์การบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ทั้งรถยนต์และน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคารถยนต์และน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และ มาตรการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ รถบัสไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้า โดยให้บริษัท สามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้งานมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ การมุ่งสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอน 

สำหรับอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวีในไทย มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ด้วยยอดจดทะเบียนรวม 100,000 – 120,000 คัน และส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง จากการตระหนักถึงความสำคัญของการลดภาวะโลกร้อนโดยการใช้รถไฟฟ้าจากประชาชนชาวไทย รวมถึงมาตรการการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ  คาดว่ารถอีวีที่โตเร็วในช่วง 2 ปี เหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะรถอีวีต่ำกว่า 1 ล้านบาทจากจีนเข้ามามาก อย่างไรก็ตามต้องดูว่าหลังหมดมาตรการส่งเสริมการลงทุนไปแล้วจะเป็นยังไง แต่เชื่อว่าไม่ลดลงแบบหัวทิ่มแน่นอน เนื่องจากมีการลงทุนไปมาก จากนี้ต้องดูว่าจะหยุดสงครามราคาได้หรือไม่ เพราะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ปีที่ผ่านมารถอีวีโตกว่า 700%  หรือมียอดขาย 76,144 คัน ถือว่าโตแบบก้าวกระโดด

รายงานข่าวแจ้งว่าผู้ประกอบการรถยนต์หลายรายได้เห็นตรงกันว่า ยอดการขายรถยนต์ปีนี้จะปรับลดลงหากสถานการณ์แย่สุดจะเหลือเพียง 730,000 คัน ดีที่สุดคือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาหรืออาจจะขายได้ถึง 780,000  คัน

ทางด้าน น.ส.สาวิตรี แก้วพวงงาม ประธานคณะทำงานด้านรถจักรยานยนต์ กล่าวว่ายอดขายรถจักรยานยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยกู้ ภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซาอย่างหนัก กำลังซื้อลดลงมาก โดยเฉพาะภาคอีสาน และพื้นที่ภาคการเกษตร เนื่องจากมีความเสี่ยงเรื่องหนี้ครัวเรือน ยกเว้นพื้นที่ท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงปลายปีนี้จะดีขึ้นจากปัจจัยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จึงคาดว่ายอดขายในประเทศปีนี้จะลดลงจาก 1.87 ล้านคัน เหลือเพียง 1.7 ล้านคัน เทียบกับปีที่ผ่านมา.