สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่า สำนักงานระบบแม่น้ำสินธุ (ไออาร์เอสเอ) ระบุว่า ช่องว่างการขาดแคลนน้ำ ขึ้นอยู่กับปริมาณหิมะในฤดูหนาวที่ต่ำกว่าปกติ ในภูมิภาคธารน้ำแข็งทางตอนเหนือของปากีสถาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่รับน้ำของแม่น้ำสินธุ และแม่น้ำเฌลัม ที่ใช้ในการชลประทาน

นายมูฮัมหมัด อาซาม ข่าน ผู้ช่วยนักวิจัยของไออาร์เอสเอ กล่าวว่า เกษตรกรจะปลูกพืชผลคารีฟ หรือพืชผลมรสุม ได้แก่ ข้าว, ข้าวโพด, อ้อย และฝ้าย ในเดือน เม.ย. ซึ่งต้องการสภาพอากาศที่ชื้น อบอุ่น และมีปริมาณน้ำฝนสูง แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพ ทำให้ภูมิภาคธารน้ำแข็งของประเทศมีหิมะตกน้อยกว่าปกติ และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณน้ำสำหรับพืชผลคารีฟ ในช่วงฤดูร้อนปีนี้

แม้ช่องว่างการขาดแคลนน้ำดังกล่าว คาดว่าจะแคบลง เมื่อฝนมรสุมมาถึงในช่วงปลายฤดูกาล อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาของปากีสถาน คาดการณ์ว่า ฤดูมรสุมจะมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เกษตรกรรมเป็นภาคส่วนขนาดใหญ่ที่สุด ในเศรษฐกิจของปากีสถาน โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ใช้น้ำอย่างไม่มีประสิทธิภาพ”

“การขาดแคลนน้ำสำหรับพืชผลในปัจจุบัน บ่งชี้ว่า ทางการปากีสถาน จะต้องวางแผนการใช้น้ำที่ได้รับการจัดสรรให้ดียิ่งขึ้น” ข่าน กล่าวเพิ่มเติม

อนึ่ง ปากีสถาน ซึ่งเป็นประเทศใหญ่อันดับ 5 ของโลก และมีประชากรมากกว่า 250 ล้านคน เผชิญกับผลกระทบรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงรูปแบบสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป และคาดเดาไม่ได้.

เครดิตภาพ : AFP