เมื่อวันที่ 8 เม.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยผลการจับกุมผู้ต้องหา 6 ราย ประกอบด้วย 1.นายณัฐวุฒิ ไตรกิ่ง หรือไอ้เสือ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1352/2566 ลงวันที่ 20 ธ.ค. 66 ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันลักทรัพย์” ประวัติการก่อคดีหลายครั้ง โดยใน พ.ศ. 2563 ก่อเหตุ “ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1ฯ”, พ.ศ. 2564 ก่อเหตุ “ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1ฯ”, พ.ศ. 2564 ก่อเหตุ “ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”, พ.ศ. 2566 ก่อเหตุ “ร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกันลักทรัพย์” 2.นายนว พลมีเดช หรือเก๋า อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.341/2567 ลงวันที่ 4 มี.ค. 67 ข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปฯ” 3.นายอารักษ์ ปานโดะ หรือเสือกี้ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.341/2567 ลงวันที่ 4 มี.ค. 67 ข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปฯ” 4.นายบูรพา รักษาชล หรือภู อายุ 20 ปี 5.น.ส.ปริษา เสาวรส หรือสา อายุ 19 ปี 6.น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี

โดยทั้ง 6 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”ตรวจยึดของกลาง ปืนเถื่อนจำนวน 9 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน โดยจับกุมและตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 5/871 ซอยเลียบวารี 11 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม.

สืบเนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาได้ตระเวนก่อเหตุ ปล้น-ฆ่า-ค้ายา-ค้าอาวุธ ในพื้นที่ บก.น.3 ตำรวจได้ทำการสืบสวน จนกระทั่งวันที่ 8 เม.ย.ผ่านมา เวลาประมาณ 03.30 น. ชุดสืบสวน สามารถจับผู้ต้องหาได้ 2 รายและทำการขยายผล บุกไปเข้าค้นเซฟเฮาส์ลับที่ “ไอ้เสือ” หัวหน้าแก๊งกบดานอยู่ และจับกุมไอ้เสือ และผู้ต้องหารายอื่นได้ในที่สุด และจากการตรวจค้นในเซฟเฮาส์พบปืนเถื่อน 9 กระบอก

หลังการจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดช สั่งการขยายผลถึงที่สุด จนชุดสืบสวนพบข้อมูลว่า แก๊งนี้เรียกได้ว่า เป็นพ่อค้าอาวุธปืนรายใหญ่ในย่านหนองจอก พบประวัติการขายอาวุธปืนเถื่อนแล้วกว่า 2,000 กระบอก โดยใช้วิธีการ “ตบ” หรือ “ยึดปืน” เอามาจากเด็กวัยรุ่นในย่านดังกล่าว เอามาสะสมรวมกัน ก่อนจะประกาศขายทางช่องทางออนไลน์ โดยจะขายในราคากระบอกละตั้งแต่ 10,000–20,000 บาทและเมื่อลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อได้หลงเข้ามาสั่งซื้อปืนจากแก๊งนี้ นอกจากนี้ยังมีการขโมยปืนจากลูกค้าที่มาซื้อกับแก๊งตนเองด้วย กล่าวคือ กลุ่มผู้ต้องหาจะนัดลูกค้าให้มารับของด้วยตนเอง แต่เมื่อลูกค้ามาถึงจุดนัดหมาย ตรวจสอบสินค้าแล้วโอนเงินให้ตามที่ได้ตกลงไว้ กลุ่มผู้ต้องหาจะยกพวกรุมล้อมและใช้อาวุธปืนจี้ ปล้นทั้งเงินและทั้งปืนกลับไป ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับความเสียหายจากการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 20 ราย

ในชั้นจับกุม นายนว และนายอารักษ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเสือ หัวหน้าแก๊ง ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับนายเก๋า และนายกี้ มาตั้งแต่สมัยวัยเด็กชั้นประถม ก่อนจะได้แยกย้ายกันไปและกลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อทุกคนอายุได้ประมาณ 17 ปี ซึ่งในขณะนั้น พวกของตนได้เริ่มเกเรและมักจะมีเรื่องกับกลุ่มคู่อริต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เริ่มสนใจการเก็บสะสมอาวุธปืนในลักษณะที่เป็นปืนไทยประดิษฐ์ จนเมื่อประมาณต้นปี 2566 นายเก๋า ได้เคยสั่งซื้ออาวุธปืนจากทางออนไลน์ และกำลังจะเดินทางไปรับพัสดุที่ได้สั่งซื้อไว้ แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้พร้อมกับของกลางเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน 1 กระบอก ทำให้ต้องโทษคดีเป็นครั้งแรก และได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำประมาณ 10 วัน ก่อนจะได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดีจนถึงปัจจุบัน

หลังจากนายเก๋า ได้ประกันตัวออกมานั้น ได้กลับมารวมกลุ่มกันตั้งแก๊ง “ทางเดินเสือ” โดยมีนายเสือ เป็นหัวโจก และได้เริ่มสะสมอาวุธปืนมากขึ้น โดยจะสั่งซื้อจากทางออนไลน์ในราคากระบอกละ 500–2,000 บาท และบางครั้งก็จะใช้วิธีการ “ตบ” หรือยึดปืนเอาจากคนอื่นมาเป็นของตน จากนั้นจึงได้เริ่มขายอาวุธปืนทางออนไลน์ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก และ ไลน์ โดยจะขายในราคาประมาณกระบอกละ 5,000–20,000 บาท โดยในช่วงแรกพวกตนเองกับพวกเคยมีรายได้จากการขายปืนมากสุด เดือนละประมาณ 20,000 บาทต่อคน

ส่วนอาวุธปืนของกลางที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้วันนี้ เป็นปืนของสะสมของนายเสือ นายเก๋า และนายกี้ ส่วนอาวุธปืนที่ได้แพ็กใส่กล่องพัสดุเรียบร้อยแล้วนั้น นายเก๋า กับนายกี้ เตรียมจะไปส่งขายในราคา 5,000 บาท แต่ลูกค้ายังไม่ได้โอนเงินจึงยังไม่ได้นำไปส่ง ก่อนจะได้มาถูกจับกุม

ส่วน นายณัฐวุฒิ หรือ เสือให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เช่นเดียวกันกับผู้ถูกจับอีก 3 คน ที่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยอ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นใดในการค้าขายอาวุธปืนเถื่อนมาก่อน หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย เพราะคนร้ายกลุ่มแก๊งนี้ ถือได้ว่าเป็นภัยร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในละแวกดังกล่าว ซึ่งอาวุธปืนเถื่อน ถือเป็นสารตั้งตนที่อาจนำไปสู่หายนะ หรืออาชญากรรมที่รุนแรงได้ จนมีประชาชนเข้ามาร้องเรียนผ่านเพจสืบนครบาล ให้จัดการโดยเร่งด่วน ผมจึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ว่าหากพบเห็นการซื้อขายปืนเถื่อนหรืออาวุธในโลกออนไลน์และหากท่านทราบเบาะแสโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.