เมื่อวันที่ 9 เม.ย. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้ควบคุมตัว น.ส.นภมาศ อิ่มอ่ำ อายุ 33 ปี อดีตพนักงานธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ก่อเหตุวิ่งราวโทรศัพท์มือถือ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ต.หนองปลิง อ.เมืองนครสวรรค์ มาสอบปากคำยังโรงพัก หลังจากก่อนหน้านี้ได้ถูกตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ จับกุมตัวเอาไว้ได้ ขณะขับรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้าไปหาเลือกซื้อเคสโทรศัพท์ภายในร้านแห่งหนึ่งย่านซอยวัชระ

สำหรับคดีดังกล่าว น.ส.นิภาพร​ คงสมบุญ​ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านโมบายหนองปลิง เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะถูกก่อเหตุวิ่งราวมือถือนั้น น.ส.นภมาศ ผู้ถูกจับ ได้เข้ามาที่ร้านของตน และทำทีสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นต่างๆ ก่อนเจ้าตัวจะมีการตกลงขอซื้อมือถือไฟน 15 โปรแม็กซ์ ราคา 48,900 บาท แต่ในตอนนั้น ของที่ตกลงสั่งซื้ออยู่อีกร้านภายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งต้องรอให้สามีนำเครื่องมาส่งให้ จึงทำให้ต้องขอเลื่อนนัดส่งของในตอนช่วงเย็น แต่ปรากฏว่า น.ส.นภมาศ ขอเลื่อนนัดไปถึง 2 วัน แล้วกลับมาที่ร้านอีกที ในช่วงบ่าย 4 โมงเย็นของวันที่ 30 มี.ค. ซึ่ง น.ส.นภมาศ ก็เดินเข้ามาขอดูสินค้าที่สั่งซื้อเอาไว้ แต่ทำทีคุยมือถืออยู่ตลอดเวลา อยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่ตอบตกลง กระทั่ง เขาใช้จังหวะที่ตนเผลอ รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเอามือถือของร้าน หนีไปขึ้นรถเก๋งขับหลบหนีไปทันที

“หนูสังเกตพฤติกรรมมันผิดแปลกมาตั้งแต่เลื่อนนัดแล้ว เหมือนจะรอจังหวะให้หนูอยู่ที่ร้านคนเดียว จึงเข้ามาลงมือ ซึ่งตอนนั้น เขาก็ทำทีคุยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จะคุยอะไรนักหนาอยู่ครึ่งชั่วโมง ทั้งที่จะมาซื้อโทรศัพท์ ซึ่งหนูเห็นแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ดี และยังคิดว่า คงไม่ซื้อแน่ จึงได้ก้มไปพิมพ์ไลน์พูดคุยกับสามี ถึงพฤติกรรมของลูกค้ารายนี้ และก็เป็นจังหวะเดียวกันที่เขาเห็นว่าหนูเผลอ ฉวยโอกาสวิ่งราวมือถือรุ่นแพงหลบหนีไป” เจ้าของร้านมือถือ กล่าว

เจ้าของร้านขายมือถือ

น.ส.นิภาพร เล่าต่อว่า หลังเกิดเหตุ ได้มีการไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.หนองปลิง ไว้แล้ว และก็ได้มีการไปจุดธูปไหว้อากงอาม่า เพื่อบนบานสานกล่าว โดยขอให้ตามตัวคนร้ายรายนี้ให้ได้ แล้วจะแก้บนด้วยการจุดประทัด 1 พันนัด ซึ่งก็เจอตัวจริงๆ สมใจปรารถนา เมื่อต้องไปหาเลือกซื้อเคสมือถือที่ร้านประจำมาขาย แล้วก็เจอกับผู้ก่อเหตุ กำลังเลือกซื้อเคสมือถืออยู่เช่นกัน จึงได้รีบโทรฯ แจ้งตำรวจให้มาจับกุมดังกล่าว ส่วนการสอบถามเจ้าตัว เขายอมรับต่อหน้าว่า ได้นำมือถือไอโฟนที่วิ่งราวจากร้านตน ไปขายแล้วที่ร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ได้เงินมาจำนวน 40,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ในระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหา เพื่อขยายผล เนื่องจากพบประวัติของผู้ก่อเหตุ เป็นคน จ.สุโขทัย และเดิมทีเป็นอดีตพนักงานธนาคารดังแห่งหนึ่ง แต่โดนปลดออก ซึ่งหลังจากตกงาน ก็ผันเปลี่ยนชีวิตกลายเป็นสาวแสบสายโจร เที่ยวตระเวนก่อเหตุวิ่งราวมือถือจากร้านขายต่างๆ ในพื้นที่โซนภาคเหนือตอนล่างอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมีประวัติถูกจับ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ยังอยู่ในระหว่างการสอบปากคำอย่างละเอียด ก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายต่อไป.