เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ลานอเนกประสงค์ ข้างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านแกเปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้นำชุมชน และ อสม. ร่วมกันตั้งจุดคัดกรอง เพื่อทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับชาวบ้านกลุ่มเสี่ยง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หลังเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีวัยรุ่นไปเที่ยวกลับมาแล้วตั้งวงดื่มสุรา และมีชาวบ้านกลับจากพื้นที่เสี่ยงไม่ยอมกักตัว มีดื่มเหล้าขาว แก้วหรือจอกเดียวกันที่ร้านขายของชำ ก่อนตรวจพบเชื้อโควิด-19 ภายหลัง ทำให้เชื้อได้แพร่กระจายเป็นคลัสเตอร์ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรวม 29 ราย ขณะที่บริเวณปากทางออกหมู่บ้าน 4 ทหารเสือ ได้ตั้งจุดคัดกรองการเดินทางเข้า-ออกหมู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง

นายสมพร ภารสำราญ ผู้ใหญ่บ้านแกเปะ หมู่ 5 ต.เชียงเครือ อ.เมือง กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากวัยรุ่นในหมู่บ้านคนหนึ่งไปเที่ยวกับเพื่อนในตัวเมืองกาฬสินธุ์ มีรวมกลุ่ม และอาจจะมีตั้งวงดื่มตามประสาวัยรุ่น ก่อนที่รายต่อมาจะเป็นคนในหมู่บ้านที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ แต่ไม่กักตัว มีไทม์ไลน์ไปซื้อสินค้าที่ร้านของชำกลางหมู่บ้าน ซึ่งร้านขายของชำดังกล่าว มีจำหน่ายสุราให้ลูกค้ามาซื้อในลักษณะของการขายเป็นก๊ง โดยการใช้แก้วหรือตามภาษาชาวบ้านเรียกจอกเดียวกันเวียนดื่มหลายคน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุการติดเชื้อโควิด-19 และแพร่กระจายเป็นคลัสเตอร์ดังกล่าว ทั้งนี้ได้ประกาศขอความร่วมมือร้านค้าและร้านขายของชำในหมู่บ้านแกเปะ ทั้ง 6 ชุมชน งดการขายสุรา พร้อมเตือนชาวบ้าน ประชาชน งดการเดินทางเข้าออกในช่วงนี้ และหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงให้เข้ามารับการตรวจคัดกรองทุกคนด้วย

ด้าน นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ มากขึ้น สาเหตุจากการเดินทางไปในจังหวัดพื้นที่เสี่ยงสูง สีแดงเข้ม แล้วพอเดินทางกลับก็ไม่ได้เข้าสู่ระบบการกักกันตัว และรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ จึงเป็นสาเหตุพบคลัสเตอร์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เช่น ที่ ต.ลำคลอง อ.เมือง และ ต.คลองขาม อ.ยางตลาด ทั้งนี้ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวใน รพ. 200 ราย

ในส่วนของการพบคลัสเตอร์ใหม่ใน ต.เชียงเครือ เบื้องต้นมีผู้ป่วยยืนยัน 29 ราย จากการสอบสวนโรค น่าเชื่อได้ว่าเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางท่องเที่ยว และชาวบ้านที่เดินทางจากกรุงเทพฯ พื้นที่เสี่ยงสูง ไม่เข้าสู่ระบบการกักกันตัว และรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ต่อมาได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ มีอาการไข้ไปตรวจพบเชื้อ ซึ่งได้มีแพร่เชื้อไปในหมู่บ้านแล้ว โดยจากการติดตามไทม์ไลน์ที่ร้านขายของชำในหมู่บ้านและสอบสวนโรค ยังเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่และชาวบ้าน ที่มีเดินทางและตั้งวงดื่มสุรา จึงเกิดการกระจายเชื้อ เบื้องต้นมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 87 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่สาธรณสุข อ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ รพ.สต.เชียงเครือ อสม. ระดมกำลังกันตรวจคัดกรองเชิงรุก (ATK) ทั้งหมู่บ้านต่อไป