เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงวันหยุดยาวที่ประชาชนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนาและมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ จำนวนมาก ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 67 คาดการณ์ว่าการเดินทางประชาชนด้วยขนส่งสาธารณะระหว่างจังหวัด วันที่ 11-17 เม.ย.67 รวม 7 วัน มีจำนวนกว่า 2.05 ล้านคน-เที่ยว โดยกระทรวงคมนาคมกำชับให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินมาตรการด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตราย โดย “อุบัติเหตุ ต้องเป็น “ศูนย์” 

สำหรับการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ขบ. กำชับไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศให้ดำเนินการอำนวยความสะดวกประชาชน โดยจัดหารถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทางให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชนและตรวจสอบให้มีความปลอดภัย ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะชั่วคราว ตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและป้องกันมิให้ผู้โดยสารถูกเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ จัดระเบียบภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้งด้านการรักษาความสะอาด การติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างภายในชานชาลาให้เพียงพอ 

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า รวมทั้งตรวจสอบการทำงานของกล้อง CCTV ให้สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชม. จัดระเบียบการเดินรถและการจราจรเข้า-ออก ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งในเขตกรุงเทพฯ และสถานีขนส่งผู้โดยสารในพื้นที่ต่างจังหวัด รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทาง และลดความหนาแน่นในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารและสถานีรถไฟ 

ช่วงก่อนเทศกาล ขบ. จะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจความพร้อม ณ สถานประกอบการของผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อตรวจความพร้อมของตัวรถและความพร้อมของผู้ขับรถก่อนนำรถออกให้บริการตามแบบ Checklist เช่น ตัวรถต้องมีความสมบูรณ์มั่นคงแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก มีการติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อความปลอดภัยครบถ้วน ได้แก่ การติดตั้งเข็มขัดนิรภัยครบทุกที่นั่งและสามารถใช้งานได้ ตำแหน่งการติดตั้งที่นั่งต้องไม่กีดขวางประตูฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ผู้ขับรถมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง ตรวจความพร้อมด้านร่างกาย และการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ เป็นต้น 

นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าหลีกเลี่ยงการใช้งานรถบรรทุกในช่วงเทศกาลฯ เพื่อบรรเทาปัญหาด้านการจราจรและป้องกันอุบัติเหตุ หากมีความจำเป็นต้องใช้รถ กำชับให้ผู้ประกอบการและคนขับรถต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยของ ขบ. อย่างเคร่งครัด ช่วงระหว่างเทศกาลตรวจเข้มความพร้อมรถโดยสารและพนักงานขับรถแบบ 100% ตาม Checklist ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร 123 แห่ง จุดจอด จำนวน 55 แห่ง จุดตรวจความปลอดภัย (Rest Area) จำนวน 13 จังหวัด 16 จุด และ จุด Checking Point จำนวน 26 จังหวัด 27 จุด ทั้งก่อนให้บริการ และระหว่างเส้นทางการเดินทางผ่านจุด Checking Point ทั่วประเทศ ตรวจสอบความเร็วสถานะการเดินทางของรถทุกคันผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ของ ขบ. ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ตลอด 24 ชม. และหากพบการกระทำผิดให้มีการพิจารณาลงโทษตามกฎหมายทันที พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ สุ่มตรวจสารเสพติดของพนักงานขับรถสาธารณะ 

ขบ. ได้บูรณาการกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและสถานศึกษาในเขตพื้นที่ เพื่อร่วมกันจัดตั้งศูนย์อาชีวะอาสา ร่วมด้วยช่วยประชาชน (Fix it Center) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จัดตั้งแต่วันที่ 11-17 เม.ย.67 จำนวน 104 จุดทั่วประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่นและสายรอง โดยจุดบริการดังกล่าวจะให้บริการตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัย ให้ความช่วยเหลือผู้เดินทางกรณีฉุกเฉิน บริการรถยก (บางพื้นที่) บริการนวดผ่อนคลาย บริการผ้าเย็น น้ำดื่ม ข้อมูลเส้นทางแหล่งท่องเที่ยว และรายชื่ออู่รถที่เปิดให้บริการ เป็นต้น ซึ่งบริการเหล่านี้เป็นการให้บริการ “ฟรี” ไม่คิดค่าใช้จ่าย 

นายจิรุตม์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เพื่อให้บริการตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เบื้องต้นก่อนเดินทาง กว่า 20 รายการ โดยไม่คิดค่าบริการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง การทำงานของเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง หม้อน้ำและรอยรั่ว ไส้กรองอากาศ การทำงานของไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น เจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์สามารถนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 15 เม.ย.67 

ทั้งนี้ เตือนผู้ประกอบการและผู้ขับรถโดยสารสาธารณะและรถขนส่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รวมทั้งกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกอย่างเคร่งครัดในการให้บริการประชาชน หากฝ่าฝืนจะดำเนินการลงโทษสูงสุดทุกราย