เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมรัฐบาลชุดที่แล้วได้ใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำนโยบายประกันรายได้เกษตรกร แต่เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไม่ได้  ว่า  พรรคเพื่อไทยต้องสำเหนียกในการรับฟัง การทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน และข้อท้วงติงของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค ที่บอกว่ารัฐบาลอย่าทำอะไรสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย และขอให้ดำเนินโครงการแจกเงินให้ประชาชนผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ตอย่างตรงไปตรงมา  ส่วนเงินกู้จาก ธ.ก.ส.นั่นคือภาระของรัฐบาลและเป็นภาระของประชาชนและประเทศ  ส่วนกรณีที่นายดนุพรกล่าวหาประชาธิปัตย์มีดีเอ็นเอที่ไม่เคยดำเนินนโยบายใดประสบความสำเร็จและเป็นที่จดจำของประชาชนนั้น ตนเชื่อว่าไม่ได้ใช้สมองคิดก่อนพูด เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์มีผลงานเป็นที่ปรากฏมากมายและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน

“ความจริงก็คือความจริง พี่น้องประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะออกนโยบายที่คิดทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อประชาชนและประเทศให้เกิดความยั่งยืน ตั้งแต่การวางโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม รถไฟทางคู่ ถนน 4 ช่องจราจร พัฒนารายจังหวัดให้มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว ลูกหลานไปโรงเรียนได้ดื่มนม มีอาหารกลางวัน ได้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เรื่องสาธารณสุข เบี้ยผู้สูงอายุ ที่มีหลายพรรคนำไปขยายผลหาเสียงเกทับเรื่องจำนวนเงิน เบี้ยผู้สูงอายุเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่เริ่มต้นจาก 200 บาท และเพิ่มขึ้นอีกครั้งสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพิ่มเป็น 500 บาทต่อเดือน แต่ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 5 ปี ไม่ได้เพิ่มให้ และในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เริ่มการรักษาฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ไปจนถึงเรียนฟรี 15 ปี และสมัยที่นายจุรินทร์เป็นหัวหน้าพรรค ได้ตั้งเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลคือนโยบายประกันรายได้เกษตรกรในพืชเกษตร 5 ชนิด สามารถทำได้ดีและไร้ข้อครหาทุจริต”นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีนโยบายเลือกปฏิบัติ ไม่มีนโยบายที่คิดขึ้นมาเพื่อคดโกงงบประมาณแผ่นดิน ไม่มีความคิดเรื่องทุจริตเชิงนโยบาย และไม่มีดีเอ็นเอสายกรรมพันธุ์แบบโกงบ้านเมือง ทั้งนี้โฆษกพรรคเพื่อไทยทราบดีว่าคดีมหากาพย์โกงชาติที่มีจำนวนมากที่สุด และศาลมีคำพิพากษาให้ถึงที่สุดแล้วนั้น เกิดขึ้นในรัฐบาลใด ดังนั้นอย่ามาแถลงให้ตัวเองดูดีแต่สวนทางความเป็นจริง ซึ่งเป็นการชี้นิ้วว่าคนอื่น แต่อีกสี่นิ้วชี้เข้าหาตัวเอง ถ้าคิดว่าใครในพรรคประชาธิปัตย์ทำผิด ก็ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอย่าละเว้น และถ้าคิดว่าโครงการรับจำนำข้าวดีจริง ไม่มีทุจริต ตนขอท้าให้พรรคเพื่อไทยหยิบยกเอาโครงการนี้กลับมาเป็นนโยบายหลักอีกรอบได้เลย