เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักเรียน และเยาวชน โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อให้นักเรียนกลับมาใช้ชีวิตที่เรียนหนังสือในโรงเรียนโดยเร็วที่สุด โดยในวันที่ 4 ต.ค.นี้ นายกฯ จะเดินทางไปร่วมพิธี คิกออฟสร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ที่โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ พร้อมกับโรงเรียนใน 12 เขตสุขภาพทั่วไทย เพื่อให้กำลังใจน้องๆ นักเรียนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ เป็นเข็ม 1 โอกาสนี้ จะได้เยี่ยมชมจุดฉีดวัคซีนและชมนิทรรศการโรงเรียนปลอดภัยของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ภายในบริเวณพื้นที่จัดงาน

นายธนกร กล่าวต่อว่า สำหรับ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนช่วงอายุระหว่าง 12-18 ปี ที่มีคุณสมบัติรับการฉีดวัคซีนจำนวน 799 คน สมัครใจฉีด 695 คน คิดเป็นร้อยละ 86.98 โดยจะเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันที่ 4 ต.ค.นี้ จำนวน 200 คน และจะทยอยฉีดวัคซีนนักเรียนเมื่อได้รับการจัดสรรในรอบต่อๆ ไป ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดแผนให้นักเรียน นักศึกษาทุกสังกัด ที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี จำนวน 5,048,081 คน เบื้องต้นมีผู้ประสงค์จะฉีด 3.61 ล้านคน คิดเป็น 71.67% จะได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไฟเซอร์+ไฟเซอร์ ตั้งแต่ 4 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มฉีดให้กับสถานศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่มีจำนวน 15,465 แห่ง ใน 29 จังหวัดก่อน และจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ต่อไป 

“นายกรัฐมนตรีกำชับการฉีดวัคซีนสำหรับเด็กนักเรียนและเยาวชน รวมไปถึงการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรภายในโรงเรียนทุกระดับ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับนักเรียน และเยาวชนให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ให้ ศธ. เร่งดำเนินการโครงการ Sandbox Safety Zone in School (SSS) สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม โดยคาดหวังให้โรงเรียนกลับมาเปิดเรียน On Site ให้มากที่สุด เพื่อจะได้ลดความเครียดและข้อจำกัดของนักเรียนในการเรียนการสอนออนไลน์ด้วย” นายธนกร กล่าว.