เป็นที่ทราบกันดีว่านาฬิกาทุกรุ่น ทุกคอลเลกชันของ Rolex ผ่านการรังสรรค์และคิดค้นกลไกขึ้นมาอย่างละเอียด มีความพิเศษเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาสำหรับนักเดินทาง นาฬิกาสำหรับนักเดินเรือ นาฬิกาสำหรับนักแข่งรถ หรือจะเป็นนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ อย่างรุ่น Rolex Deepsea ที่รู้จักกันในฐานะ Professional Model สัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์ระหว่าง Rolex และนักสำรวจใต้ทะเล ผ่านการทำภารกิจและสำรวจท้องทะเลลึกมาแล้วมากมาย ด้วยคุณสมบัติทนทานต่อแรงดันน้ำลึกกว่า 3,900 เมตร! มาพร้อมกับดีไซน์งดงาม หรูหราตามแบบฉบับของ Rolex และในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกกลไกและดีไซน์อันน่าทึ่งของ Rolex Deepsea ทำไมนาฬิการุ่นนี้จึงแข็งแกร่งและเปล่งประกายอยู่ภายใต้ท้องทะเลมาหลายทศวรรษ ทั้งยังติดท็อปลิสต์รุ่นยอดฮิตของ Rolex ด้วย! ตามมาดูพร้อมกันเลย

จุดเริ่มต้นของ Rolex Deepsea การผลักดันขีดจำกัดทางเทคนิค

นาฬิการุ่น Rolex Deepsea คือนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำที่มีความทนทานเป็นพิเศษและเป็นสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานระหว่าง Rolex และนักสำรวจใต้ทะเลลึก เริ่มต้นจากความหลงใหลในการสำรวจใต้ท้องทะเลของ Rolex โดยในช่วงทศวรรษ 1950 ได้พัฒนาขึ้นจากนาฬิกาดำน้ำรุ่นต้นแบบ ‘Rolex Submarine’ ต่อมาในปี 1960 Rolex ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการนักดำน้ำ ด้วยการเปิดตัว Rolex Deep Sea Special ซึ่งเป็นนาฬิกาทดลองที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านนอกของเรือดำน้ำ Trieste ระหว่างการดำดิ่งลงไปยังจุดที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรแปซิฟิกที่ความลึก 10,916 เมตร (35,814 ฟุต)

ด้วยความสำเร็จดังกล่าวผสานกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นระบบกลไก ตัวหน้าปัด การคัดเลือก Meterial เกรดพรีเมียม ในที่สุด Rolex ก็ได้เปิดตัวคอลเลกชัน Rolex Deepsea สำหรับนักดำน้ำโดยเฉพาะรุ่นแรกในปี 2008 ซึ่งสามารถทนทานต่อแรงดันน้ำได้ถึง 3,900 เมตร (12,800 ฟุต) ซึ่งเป็นความลึกที่มนุษย์ไม่สามารถอยู่รอดได้ในการดำน้ำลึก เป็นการผลักดันขีดจำกัดทางเทคนิคให้ทนทานเทียบเท่ากับเรือดำน้ำที่ดำดิ่งสู่ความลึกของท้องทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดดังที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์นั่นเอง

Rolex Deepsea มาพร้อมระบบ Ringlock ที่ผ่านการทดสอบอย่างแม่นยำ

กลไกแรกที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่ทำให้ Rolex Deepsea สามารถทนทานต่อระดับความลึกใต้ท้องทะเลได้เป็นอย่างดี และแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ คือการติดตั้งระบบ Ringlock โดยมีการจดสิทธิบัตร เป็นสถาปัตยกรรมตัวเรือนขนาด 44 มม. ประกอบไปด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโดม แหวนอัดสตีลไนโตรเจนอัลลอยด์ และตัวเรือนด้านหลังที่ทำจากไทเทเนียม RLX ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นนี้นี่เองที่ช่วยทำให้นาฬิกา Rolex Deepsea สามารถทนทานต่อแรงดันใต้น้ำได้ที่ความลึกถึง 3,900 เมตร (12,800 ฟุต)

นอกจากจะติดตั้งระบบ Ringlock เอาไว้แล้ว ในส่วนของการอ้างอิงจากมาตรฐานของเรือนเวลา Rolex Deepsea จะได้รับการทดสอบที่ความลึกมากกว่าที่ปรากฏบนหน้าปัดถึง 25% เลย นั่นหมายความว่า ความลึกจริงๆ จะทดสอบอยู่ที่ 4,875 เมตร (16,000 ฟุต) ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการควบคุมคุณภาพขั้นสุดท้าย ถือเป็นส่วนหนึ่งของการรับรอง Superlative Chronometer โดยได้รับความร่วมมือจาก Comex (Compagnie Maritime d’Expertises) ทำให้เหล่านักดำน้ำและผู้หลงใหลสำรวจใต้ท้องทะเลลึกทุกคนจึงมั่นใจในคุณภาพและความทนทานของ Rolex Deepsea ได้อย่างไร้ข้อกังวล

Rolex Deepsea มีขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียวผสานกับขอบหน้าปัด Cerachrom

จุดเด่นสำคัญของ Rolex Deepsea คือสามารถอ่านเวลาได้อย่างง่ายดายและมีความแม่นยำสูง โดยมีขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ทิศทางเดียวที่ติดตั้งมาพร้อมกับขอบหน้าปัด Cerachrom แบบหล่อชิ้นเดียวมีเครื่องหมายขีดแบ่ง 60 นาที ทำให้อ่านเวลาหลักนาทีได้อย่างเที่ยงตรง นอกจากนี้ตัวขอบหน้าปัด Cerachrom ยังทำขึ้นมาจากเซรามิกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง มีความคงทนของสี อีกทั้งเครื่องหมายและตัวเลขที่เป็นแบบหล่อและแบบฝังจะได้รับการเคลือบด้วยโลหะมีค่า ผ่านขั้นตอน PVD ช่วยให้แข็งแรงเป็นพิเศษ ป้องกันรอยขีดข่วน หมุนปรับได้ง่าย ยึดเกาะได้ดี พร้อมเผชิญกับทุกสภาพอากาศใต้ท้องทะเล ไม่สึกกร่อนง่ายๆ

Rolex Deepsea รังสรรค์หน้าปัดโครมาไลท์ แสงสีฟ้าที่เปล่งประกายใต้ท้องทะเล

ตัวหน้าปัดโครมาไลท์ของ Rolex Deepsea ที่เปิดตัวในปี 2008 เป็นรูปแบบเฉพาะของ Rolex เท่านั้น ทั้งยังได้รับการพัฒนาถึงขีดสุดของความสามารถในปี 2021 โดยเป็นสารเรืองแสงที่ได้รับการเติมลงไปจะเปล่งแสงสีขาวสว่างในแสงธรรมชาติตอนกลางวัน และเรืองแสงสีฟ้าเข้มเมื่ออยู่ในความมืด ทำให้เปล่งประกายใต้ท้องทะเลได้อย่างยาวนานและชัดเจน ไม่ว่าจะดำน้ำ หรือออกสู่ท้องทะเลในช่วงเวลาไหน ก็หมดปัญหาเรื่องการมองในที่มืด เพราะสามารถมองเห็นตัวเลข และหน้าปัดได้อย่างชัดเจนแน่นอน

Rolex Deepsea ผนึกความปลอดภัยด้วยชุดตัวล็อก Oysterlock และระบบขยายสาย Rolex Glidelock

นาฬิกาข้อมือจะสมบูรณ์แบบก็ด้วยสายนาฬิกาที่รัดรอบข้อมืออย่างพอดี สายนาฬิกา Oyster ของ Rolex Deepsea มาพร้อมกับชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterlock ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร มีระบบขยายสาย

Rolex Glidelock ที่ Rolex พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน ทำให้สวมใส่เข้ากับชุดดำน้ำได้แบบสะดวกสบาย ทั้งยังมีความปลอดภัย เพราะมีกลไกตัวล็อกแบบบานพับ และระบบตัวล็อกนิรภัยที่ป้องกันการเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจนั่นเอง

Rolex Deepsea กับดีไซน์หน้าปัดซิกเนเจอร์ D-blue แสงแห่งมหาสมุทร

Rolex ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามด้วยกลไกและคุณสมบัติทนทานเป็นพิเศษ ดังที่เราได้อธิบายไปเบื้องต้น และในปี 2014 ก็ได้มีดีไซน์ตัวหน้าปัดที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของรุ่นขึ้น Rolex เปิดตัว Rolex Deepsea รุ่นใหม่ในปีนี้ พร้อมกับหน้าปัดในชื่อว่า “D-blue” เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับการดำน้ำครั้งประวัติศาสตร์ในอดีต ต้นกำเนิดของ Rolex Deepsea ผ่านการไล่สีอย่างเรียบง่ายจากสีมิดไนต์บลูไปยังสีดำเข้ม สื่อถึงทะเลลึกในช่วงที่เรียกว่า Twilight ช่วงเวลาที่ผิวน้ำบริเวณจุดสุดท้ายที่มีแสงส่องไปถึง และเป็นจุดที่มีความมืดเข้าครอบคลุมผืนน้ำ พิเศษไปกว่านั้นด้วยการแต่งแต้มตัวอักษรคำว่า DEEPSEA เป็นสีเขียว ซึ่งเป็นสีของเรือดำน้ำของ James Cameron ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังอย่างอวตารที่หลงใหลในการดำน้ำนั่นเอง

ด้วยการรังสรรค์และผลักดันเทคโนโลยีอย่างสุดความสามารถของ Rolex ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบ Ringlock ตัวขอบหน้าปัดที่หมุนได้ทิศทางเดียวอย่างแม่นยำ หน้าปัดโครมาไลท์ แสงสีฟ้าที่เปล่งประกาย ชุดตัวล็อก Oysterlock และระบบขยายสาย Rolex Glidelock รวมถึงตัวดีไซน์ที่ทั้งงดงามและแข็งแกร่ง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Rolex Deepsea จะกลายเป็น Professional Model ผู้ช่วยเหล่านักดำน้ำทั้งชายและหญิงทั่วโลกที่ต้องการดำดิ่งสู่งใต้ทะเลลึกเพื่อก้าวข้ามความกดดันต่างๆ ไปสู่จุดหมาย และการค้นพบใหม่ๆ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ช่วยท่องโลกใต้ทะเล หรือชื่นชอบในความพิเศษของ Rolex Deepsea ที่ Pendulum ตัวแทนจำหน่ายโรเล็กซ์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มี Rolex Deepsea รุ่นยอดฮิตให้คุณได้จับจอง โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ https://pendulum.co.th หรือเลือกซื้อผ่านเพนดูลัม โรเล็กซ์ บูติก ได้ทุกสาขา พนักงานพร้อมให้คำปรึกษาและบริการทุกขั้นตอน รับประกันคุณภาพและความประทับใจ