วันที่ 23 เม.ย. นางสาวอภิณห์พร อังคกมลเศรษฐ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานรัฐบาลดิจิทัล (สพร.) นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายพิศณุ ตันติถาวร รองผู้ว่าการเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบสื่อสาร การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) นายเกรียงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้ว่าการดิจิทัลและการสื่อสาร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) และนายอัษฎา ชูสิน รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 5) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) การพัฒนากลไกการใช้ประโยชน์จากข้อมูลการใช้และการชำระค่าไฟฟ้าและน้ำประปา ภายใต้ความยินยอมของเจ้าของข้อมูล

กลไกนี้จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้ใช้บริการไฟฟ้าและน้ำประปา สามารถขอข้อมูลประวัติการใช้และชำระค่าไฟฟ้าและน้ำประปาของตนเองจากแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ด้วยวิธีการที่ปลอดภัย มีการรับรองด้วยลายมือชื่อดิจิทัล (digital signature) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป เช่น นำส่งให้ผู้ให้บริการทางการเงินเพื่อใช้ประกอบกับข้อมูลอื่นในการพิจารณาสินเชื่อ ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับสินเชื่อ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ หรือมีประวัติทางการเงินไม่มาก

ทั้งนี้ หน่วยงานผู้ให้บริการที่ได้รับข้อมูลสามารถนำข้อมูลไปประมวลผลได้โดยอัตโนมัติ (machine-readable) และสามารถตรวจสอบที่มาของข้อมูลให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกปลอมแปลงแก้ไข ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการให้บริการแก่ประชาชนโดยรวม

ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับบทบาทของ กฟน. กฟภ. กปน. และ กปภ. ที่นอกจากจะให้บริการสาธารณูปโภคที่สำคัญต่อการดำรงชีพของประชาชนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนให้ประชาชนนำข้อมูลการใช้และการชำระค่าไฟฟ้าและน้ำประปาของตนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐของ สพร. ที่เชื่อมโยงให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐกว่า 149 บริการ จาก 74 หน่วยงาน ได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยผ่านแอปพลิเคชันเดียว โดย สพร. มุ่งหวังขยายการให้บริการกลไกเรียกดูและส่งต่อข้อมูลลักษณะดังกล่าวไปยังข้อมูลภาครัฐอื่น เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากข้อมูลของตนเองที่อยู่กับหน่วยงานภาครัฐต่อไป

“คาดว่าประชาชนจะสามารถเรียกดูและดาวน์โหลดข้อมูลประวัติการใช้และการชำระค่าไฟฟ้าและน้ำประปาของตนเองผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ เพื่อไปใช้ประโยชน์ในการทำธุรกรรมในรูปแบบดิจิทัลได้ ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 เป็นต้นไป”