เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคขุนในเขตปฏิรูปที่ดินปางศิลาทอง จำกัด เลขที่ 49 หมู่ 11 ต.หินดาด อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร พร้อมสมาชิกจำนวน 707 ราย ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 โดยมีเกษตรกรจากหลายพื้นที่ใน อ.ปางศิลาทอง ที่ประกอบอาชีพเลี้ยงโคเนื้อไทยเข้าร่วม ซึ่งเป็นการสร้างรายได้หลักหล่อเลี้ยงครอบครัว และขับเคลื่อนอาชีพเพื่อพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนของประเทศไทย

โดยวันนี้มีข่าวดีสำหรับเกษตรผู้เลี้ยงโคเนื้อ ที่จะมีช่องทางการขายวัวของตนเองไปสู่ตลาดในประเทศจีน โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งมี “นายจ้าวจื้อซิ้น” ผู้บริหารและคณะจากโรงเชือดโคขุน เมิงล่าเฉิงคัง ประเทศจีน มาดูคอกเลี้ยงโคขุนของสหกรณ์และสมาชิกที่ร่วมโครงการ โดยโรงเชือดดังกล่าวเป็นกิจการรัฐวิสาหกิจ ที่มีกำลังการเชือดโคขุนถึง 5 แสนตัวต่อปี ซึ่งในปีนี้มีโควตานำเข้าโคขุนและกระบือจากประเทศไทย ประมาณ 50,000-100,000 ตัว

โดยเตรียมแผนดำเนินการในรูปแบบอุตสาหกรรมส่งออก ที่ต้องการโคขุนลูกผสมยุโรป หรือบราห์มัน และกระบือ อายุไม่เกิน 3 ปี น้ำหนักไม่น้อยกว่า 450 กิโลกรัม และไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม จากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน GAP สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ไม่มีร่องรอยโรคต้องห้ามและสารเร่งเนื้อแดง โดยที่ผ่านมา โรงเชือดดังกล่าวได้มีการซื้อโคขุนจาก สปป.ลาว ของเกษตรกรที่ผ่านการเลี้ยงมาแล้ว และต้องการขยายการซื้อกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคขุนในเขตปฏิรูปที่ดินปางศิลาทอง จำกัด ได้ร่วมกับ บริษัท กสิกรรมเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ และ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกำแพงเพชร ผลักดันให้มีการต่อยอดการบริหารจัดการการเลี้ยงโคขุนของสมาชิกในทุกขั้นตอนให้มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเลี้ยง การดูแลป้องกันโรคต้องห้าม ไปจนถึงการนำส่งออกสู่โรงเชือดโคขุน เมิงล่าเฉิงคัง ประเทศจีน โดยคาดว่าราคาหน้าฟาร์มของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน จะอยู่ที่ราคา 93-95 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะส่งผลดีให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน มีรายได้เลี้ยงครอบครัวเพิ่มขึ้น

นายสมปนะสงค์ ยอดยิ่ง ประธานกรรมการสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคขุนในเขตปฏิรูปที่ดินปางศิลาทอง จำกัด กล่าว่า วันนี้ตัวแทนจากโรงเชือดโคขุน เมิงล่าเฉิงคัง ประเทศจีน และ บริษัท กสิกรรมเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เดินทางมาเจรจาเรื่องราคาซื้อขายร่วมกัน โดยในอนาคตจะส่งออกวัวไปยังโรงเชือดที่ประเทศจีน โดยขณะนี้สมาชิกที่เลี้ยงโคขุนตอนนี้ คำนวณแล้วจะได้วัวกว่า 100,000 ตัว ต่อปี และราคาขายหน้าคอกวัวอยู่ที่ 93-110 บาท ขึ้นอยู่ที่แต่ละสายพันธุ์ ซึ่งเราเป็นตัวแทนในการส่งออกโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง สำหรับการลงพื้นที่วันนี้ ของคณะผู้บริหารโรงเชือดจากประเทศจีน ก็มีความพึงพอใจในสินค้าของเรา ทั้งนี้ ราคานั้นต้องขึ้นอยู่ที่ปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่าง แต่การเจรจาวันนี้โดยรวมเป็นไปด้วยดี

ด้านนายนรสีห์ สุดวิลัย สหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร จะมีส่วนในการกำกับดูแลช่วยเหลือเพื่อการเชื่อมโยงธุรกิจที่จะส่งมอบวัวของสมาชิกไปสู่ผู้ค้า เบื้องต้นเป็นแนวโน้มที่ดี โดยจากนี้สหกรณ์ก็จะต้องมีหน้าที่หาวัวที่มีคุณภาพดี ส่งออกสู่ผู้ค้าให้ได้ ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนมีรายได้เพิ่มขึ้น และสภาพชีวิตที่กินดีอยู่ดี

ขณะที่ นายธวัชชัย แถวถาทำ ปศุสัตว์จังหวัดกำแพงเพชร กล่าว่า ในส่วนของกรมปศุสัตว์ โดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกำแพงเพชร มีนโยบายที่จะช่วยเหลือเกษตากรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งจะเข้ามาดูแลในส่วนของการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งต้นทุนการผลิตหลักอยู่ที่อาหารสัตว์ ซึ่งจากนี้ต้องใช้เทคโนโลยีทางด้านโภชนศาสตร์สัตว์ เข้ามาช่วยเหลือเพื่อลดต้นทุนและสร้างกำไรให้กับเกษตรกร ในส่วนของสุขภาพสัตว์ เราได้จัดสัตวแพทย์ และปศุสัตว์อำเภอ เข้ามาดูแลโรคต้องห้ามเป็นประจำอยู่แล้ว

ส่วนทางด้าน นายธันฐกรณ์ ณ นคร ประธานสหกรณ์การเกษตรและปศุสัตว์กำแพงเพชร กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เรามีสมาชิกที่มีความชำนาญในการเลี้ยงวัวโคขุนและวัวเพื่อการส่งออกเฺป็นระยะเวลานาน ซึ่งมีการผลักดันให้ทำการผลิตสินค้าให้เป็นมาตรฐาน GAP เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ โดยขณะนี้มีสมาชิกที่สนใจเข้าโครงการกว่า 90 ครัวเรือน หรือคิดเป็น KPI (ดัชนีความสำเร็จ) เท่ากับ 90% ซึ่งในอนาคตจะต้องสร้างให้เป็นต้นแบบของการส่งออกที่ยั่งยืน

นางกัลยา เทียบเทียม อายุ 50 ปี เกษตรกรที่เลี้ยงโคขุนมานานกว่า 15 ปี เล่าว่า ตนเองยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะมีตลาดการรับซื้อโคขุน ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวตนเองได้ ที่ผ่านมาเราประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของต้นทุน และการประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่ประสบปัญหาภัยแล้ง จนต้องหันมาเลี้ยงโคขุน ซึ่งจากนี้ สหกรณ์ที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ จะช่วยเหลือผลักดันให้ตนได้มีรายได้จุนเจือครอบครัวที่ดีขึ้น.