เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการติดตามสถานการณ์การสู้รบในเมียนมากับผลกระทบต่อความมั่นคงและชายแดนไทย ว่า วันนี้ใน กมธ.มีการพูดคุยถึงเรื่องน้ำมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีการซื้อขายจากประเทศไทยถึง 25% และน้ำมันบางส่วนใช้ในเรื่องอากาศยานที่ใช้ในปฏิบัติการโจมตี สิ่งเหล่านี้เป็นอำนาจต่อรองสำคัญที่ประเทศไทยสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสันติภาพ และเพิ่มดุลในการเจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมา วันนี้ถ้าเรานับเฉพาะตัวเลขผู้หนีภัยการสู้รบอาจจะดูไม่มาก มีแค่หลักพันเท่านั้น แต่ถ้าเรานับว่าตั้งแต่มีการรัฐประหารเมียนมาเป็นต้นมา จะพบว่ามีผู้หนีภัยจำนวนมหาศาล เราได้รับข้อมูลจากภาคประชาสังคมว่าคนเหล่านี้จำนวนมากต้องจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้คนเหล่านี้อยู่ในซอกหลืบ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ดังนั้นวิธีการหนึ่งที่เราควรดำเนินการและสามารถทำได้คือกลไกการออกบัตรประชาชนรหัสพิเศษ ขอย้ำว่าไม่ใช่การให้สถานะหรือบัตรประชาชนชาวไทย แต่เรากำลังพูดถึงอำนาจการดำเนินการเพื่อการตรวจสอบและติดตามได้  รวมถึงมีข้อเสนอของอนุกรรมการฯ ว่าเราอาจจะใช้อำนาจตามมาตรา 17  พ.ร.บ.คนเข้าเมืองปี 2522 ที่จะให้ความเห็นชอบผู้ลี้ภัยเข้ามาในราชอาณาจักรได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุดลงและมีความจำเป็นต้องทำงานเลี้ยงชีพ ก็สามารถให้อยู่อาศัยได้ชั่วคราวได้ เพื่อเข้าสู่การบริหารจัดการตามกฎหมายในอนาคต วิธีการเหล่านี้จะตอบโจทย์ภาคเศรษฐกิจของเราที่ต้องการแรงงานได้

ด้านนายปิยรัฐ จงเทพ โฆษก กมธ. กล่าวว่า กมธ.เตรียมนำคณะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. เพื่อติดตามสถานการณ์และรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง ที่สำคัญหลังจากนั้นจะมีการเดินทางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศต่อไป.