เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ร.ต.อ.พรชัย แจ่มเชื้อ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งจาก รพ.ราชเวช มีเด็กถูกรถทับส่งตัวมารักษาและเสียชีวิตลง จึงรีบรุดไปตรวจสอบพบญาติพี่น้องกำลังปลอบใจ นางแก้ว (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ซึ่งพิการเป็นใบ้ หูไม่ได้ยิน และสามีที่ตามเนื้อตัวเสื้อผ้าเปื้อนเต็มไปด้วยเลือด กำลังร้องไห้ฟูมฟายเป็นลมอยู่หลายรอบ เบื้องต้นทราบว่า นางแก้ว เป็นผู้ที่ขับถอยรถกระบะบรรทุกข้าวเปลือกทับร่าง น้องต้น (นามสมมุติ) ลูกชายวัย 7 ขวบ เสียชีวิต ซึ่งนางแก้วยังเศร้าโศกเสียใจไม่สามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณลานหน้าบ้าน ซึ่งมีข้าวเปลือกตากอยู่ และพบรองเท้าเด็ก 1 คู่ ขวดพลาสติกที่ภายในมีตั๊กแตนกว่า 30 ตัว ตกอยู่ท้ายรถกระบะบรรทุกกระสอบข้าวเปลือก จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางแก้วได้นำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวจากนามาตากที่หน้าบ้าน ส่วนน้องต้นก็ได้ไปวิ่งเล่นเก็บตั๊กแตนที่ติดมากับข้าวก่อนจะวิ่งมาหายายที่อยู่บริเวณนั้น และนางแก้วได้ถอยรถกระบะจะมาเทข้าวเปลือกอีกรอบโดยไม่รู้ว่าลูกกลับมาเล่นอยู่ที่ท้ายรถ ระหว่างนั้น ยายและญาติพยายามตะโกนให้หยุดรถ แต่นางแก้วไม่ได้ยิน จนกระทั่งมีคนวิ่งเข้าทุบประตูรถเพื่อให้นางแก้วหยุด แต่ก็ไม่ทันรถได้ทับร่างของลูกไปแล้ว เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา กระทำการโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ด้าน ยายของน้องต้น กล่าวว่า หลานเป็นเด็กฉลาด จากที่แม่เป็นคนใบ้ หูไม่ได้ยิน น้องต้นจะเป็นคนช่วยแม่ในการสื่อสารกับคนอื่น แม้แต่พาแม่ไปหาหมอ น้องต้นก็จะสื่อสารกับหมอแทนแม่ และก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ยายอยู่ต่างจังหวัดกำลังเตรียมเดินทางกลับ น้องต้นโทรฯมาหา ซึ่งปกติแล้วจะไม่เคยโทรฯตามยาย โดยหลานบอกว่าคิดถึง เมื่อไหร่ยายจะกลับ จะได้เห็นหน้ายายอีกไหม ซึ่งตนคิดว่าคงเป็นลางบอกเหตุ เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวครั้งนี้ก็คงยากที่จะทำใจได้.