ที่ ห้องประชุมพญาตานี อาคาร 2 ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดปัตตานี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ร่วมรับฟังการรายงานข้อมูลการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อศักยภาพทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ของจังหวัดปัตตานี 5 ด้าน ได้แก่ การให้บริการสาธารณะ แนวทางการพัฒนาระบบรถโดยสารสาธารณะ การศึกษาความเป็นไปได้การให้บริการฯ Seaplane แหลมตาชี ปัตตานี และการพัฒนาพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดปัตตานี
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการเชื่อมโยงสนับสนุนการเดินทางไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญบนถนนสายวัฒนธรรมในย่านการค้าดั้งเดิมของเมืองท่าปัตตานี ชื่อเส้นทาง ‘อา-รมย์-ดี’ ย่อมาจากชื่อถนน 3 สาย คือ อาเนาะรู ปัตตานีภิรมย์ และฤดี ให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางพหุวัฒนธรรมเรียนรู้เกี่ยวกับเมืองท่าปัตตานี การติดต่อค้าขาย และความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมมลายูผ่านอาคารบ้านเรือน ศิลปะ สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตของชาวปัตตานี รวมทั้งยกระดับการอนุรักษ์เมืองเก่าพร้อมเสนอเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมเชื่อมโยงระหว่างไทย จีน และมุสลิม ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อรับฟังข้อมูลการให้บริการสาธารณะ และแนวทางการพัฒนาระบบรถโดยสารสาธารณะเพื่อรองรับการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับระบบคมนาคม และยกระดับการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดปัตตานี สำนักงานขนส่งจังหวัดปัตตานี มีเขตพื้นที่รับผิดชอบ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง โคกโพธิ์ ยะรังหนองจิก แม่ลาน มายอ และยะหริ่ง โดยแนวทางการพัฒนาระบบรถโดยสารสาธารณะรองรับการทองเที่ยวประกอบด้วย เส้นทางรถโดยสารประจำทาง หมวด 4 สายที่ 8486 ปตตานี-สายบุรี สายที่ 8486 ปัตตานี-สายบุรีแยกช่วง ปัตตานี-แหลมตาชี และได้กำหนดเส้นทาง (กำหนดใหม่) ปัตตานี-แหลมตาชี เส้นทางไปแหลมตาชี โดยเชื่อมต่อสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดปัตตานี-สถานีรถไฟปัตตานี (โคกโพธิ์)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความสวยงามทางด้านทรัพยากรธรรมชาติสามารถที่จะต่อยอดและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ หากโครงสร้างพื้นฐานมีความสมบูรณ์ทั้งทางบกทางน้ำทางอากาศ ทางราง ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะนำความเจริญ และนักลงทุน นักท่องเที่ยว เข้ามาสู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นพื้นที่ที่โชคดีมากที่จะสามารถเข้าถึงได้ทุกช่องทาง อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ติดชายแดน เพราะฉะนั้นจะทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจตัวเลข GDP ของจังหวัดก็จะเพิ่มขึ้น สามารถสร้างความมั่งคั่งให้เกิดขึ้นในพื้นที่ พี่น้องประชาชนอยู่ดี กินดี มีฐานะและจะทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ให้กับคนในพื้นที่ต่อไปได้อย่างมหาศาล ซึ่งหากเศรษฐกิจดี ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ความมั่นคงและความตึงเครียดต่างๆ ก็จะลดน้อยลง โดยรัฐบาลมีแนวทางที่จะพัฒนาและยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก และคิดว่าเราได้ดำเนินการมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะการยกระดับระบบรถไฟทางคู่ที่ใช้งบประมาณในปี 2567 ดำเนินการเริ่มออกแบบและก่อสร้างเชื่อมโยงไปชายแดนอำเภอสุไหงโก-ลก-หาดใหญ่ ไปถึงหนองคายรถไฟทางคู่ ระบบถนนจะเป็นบริการระบบขนส่งเสริม หรือ Feeder เข้าสู่ระบบรางซึ่งจะเป็นหลักในการขนส่งกระจายสินค้า คนและนักท่องเที่ยว ทำให้ความเจริญความมั่งคั่งก็จะตามมาอย่างแน่นอน
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบให้ บวท. ศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการควบคุมอากาศยานทางทะเล (Seaplane) แหลมตาชี จังหวัดปัตตานี เพื่อเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยว ช่วยลดความแออัดภายในสนามบินหลักของประเทศ และเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้านการท่องเที่ยวโดยนำเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้กับการดำเนินภารกิจของหน่วยงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดย บวท. ได้ศึกษารูปแบบปฏิบัติการบิน แบ่งเป็น การบินขนส่งผู้โดยสาร และการบินเพื่อชมภูมิประเทศ โดยมีประโยชน์ที่จะได้รับจากการให้บริการฯ Seaplane ได้แก่ 1) ลดระยะเวลาการเดินทาง 2) ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง (Premium/Luxury) 3) ส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางใหม่ ๆ 4) เพิ่มมูลค่าการขนส่ง และ 5) สามารถประยุกต์ใช้ Seaplane ในกิจการต่าง ๆ นอกจากนี้ ได้มอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาการพัฒนาพื้นที่ในความดูแลที่สามารถพัฒนา เป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ได้แก่ สถานีเทพา สถานีวัดช้างให้ สถานีสะพานดำยะลา และสถานีสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอแนะแผนท่องเที่ยวโครงการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสามารถเดินทางไป-กลับได้ 1 Day Trip