จากกรณีที่ นายวิชานนท์ แสนผาลา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ทุ่งกระมัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ นำทีมเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแก๊งล่าสัตว์ป่าพบว่าผู้ต้องหาเป็นพระและสามเณร  ส่วนที่หลบหนีไปได้เป็นพระระดับรองเจ้าคณะจังหวัดวัดแห่งหนึ่ง กระทั่งล่าสุดรองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ พร้อมพระ และเณร รวมทั้งพรานป่า รวม 7 ราย ได้เข้ามอบตัวสู้คดี เป็นที่เรียบร้อยนั้น

ปฏิเสธ! ‘รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ’ พร้อมพระ-เณร-พรานป่า 7 ราย ย่องมอบตัวสู้คดีล่าสัตว์

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามกับ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กรณีดังกล่าวว่าเหมาะสมหรือไม่   พระพยอม กล่าวว่า ตามที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บอกว่าพระตั้งกลุ่มแก๊งไม่ได้ไปธุดงค์มีการตัดชิ้นส่วนสัตว์ใส่ย่าม แบบนี้แก้ตัวไม่ขึ้นเป็นที่ลำบากใจของผู้ที่แต่งตั้งให้สมณศักดิ์ให้ยศแต่แล้วเอายศไปตั้งความอัปยศ ให้เสื่อมเสียในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดซึ่งควรจะเป็นต้นแบบเป็นตัวอย่างที่มีเมตตาไม่ใช่ไปล่าสัตว์ไปรังแกสัตว์ บอกว่ารักษาศีล 5 ไม่ทำร้ายสัตว์ไม่เบียดเบียนสัตว์ไม่ประทุษร้าย ไปทำซ้ำซากทำย่ามใจไม่นึกถึงธรรมวินัย เป็นพระสวดมนต์กันอยู่ทุกวันไม่พูดร้ายไม่ทำร้าย แต่นี้กลับไปทำร้ายสัตว์แล้วอ้างว่าไปธุดงค์ การธุดงค์ต้องมีลักษณะน่าเชื่อถือคือไปขูดเกลากิเลส แต่นี่ไปเป็นกลุ่มเป็นก้อนมีมหาเปรียญเรียกว่าหมดสารรูป ถ้าไม่ผิดจะหนีทำไมถ้าปล่อยไว้สัตว์ป่าจะมีอะไรเหลือใครจะคุ้มครองเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐต้องติดตามต้องปรามให้อยู่มิฉะนั้นจะย่ามใจไปรอบ 2 รอบ 3 อีก ทำให้สัตว์บาดเจ็บล้มตาย บวชแล้วไม่กลัวบาปไม่มีสติสัมปชัญญะ ผิดถูกชั่วดีการทำลายสัตว์ป่ามีกฎหมายทารุณกรรมสัตว์เตะหมาตัวนึงยังดำเนินคดีได้ คงต้องรับกรรมไปตามที่ตัวเองทำ ฝากประชาชนให้แยกแยะเรื่องพระที่ทำแบบนี้ มีมานานสมัยพระพุทธเจ้าก็มี มีตำแหน่งขนาดนี้แอบไปล่าสัตว์เพิ่งได้ยินครั้งแรก.