จากกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ออกมายอมรับขอลาออกจากตำแหน่ง รมว.กต. เหตุเพราะถูกปรับพ้นรองนายกฯ อาจทำงานไม่ราบรื่น เชื่อมั่นว่ายังมีคนอื่นเหมาะสมมาทำงานแทนได้ และได้อำลาทีมผู้บริหารกระทรวงฯ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประวัติของ “นายปานปรีย์ พหิทธานุกร” เกิดเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2500 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาระดับปริญญาโท ด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และจบการศึกษาระดับปริญญาเอก ด้านการบริหารจัดการภาครัฐ ที่ Claremont Graduate University (CGU) สหรัฐอเมริกา นายปานปรีย์ สมรสกับ นางปวีณา พหิทธานุกร (สกุลเดิม หงษ์ประภาส) ซึ่งเป็นหลานตาของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อีกทั้งมีบุตรสาว คือ น.ส.ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร

ส่วนประวัติการทำงานนั้น นายปานปรีย์เริ่มรับราชการที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน และเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานในห้องประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ต่อมา ในปี 2539 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศในรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กระทั่งในปี 2545 เป็นสส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา

จากนั้น ในปี 2546 ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ โดยได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีกับประเทศอินเดีย และกลุ่มประเทศกรอบความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจในภูมิภาคอ่าวเบงกอลด้วย ต่อมาในปี 2547 ได้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรม มีบทบาทสำคัญในการวางแผน แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่ออุตสาหกรรมในอีสเทิร์น และในปี 2548 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนการค้าไทย รวมถึงได้รับมอบให้ทำหน้าที่ประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุนและการค้าภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรี และประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า

ถัดมา ในปี 2551 เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รับผิดชอบในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และเป็นกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และในปี 2556 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ นายปานปรีย์ถือว่ามีความคุ้นเคยกับกระทรวงการต่างประเทศ เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวเป็นข้าราชการของกระทรวงดังกล่าว ทั้งคุณปู่ คือพระพหิทธานุกร เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงต่างประเทศ และเคยเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำการในหลายประเทศ อีกทั้ง นายปรีชา พหิทธานุกร ซึ่งเป็นบิดาของนายปานปรีย์ เคยรับราชการที่กระทรวงต่างประเทศเช่นกัน ขณะที่ตัวนายปานปรีย์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวิสิน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2566 แต่ต่อมา เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2567ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เหลือเพียงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ.