เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 67 ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐศาสตร์มหภาค กล่าวถึงปัญหาการส่งออกของประเทศไทยว่า 1.การส่งออกไทยเดือน มี.ค. 67 มีมูลค่า 24,960.6 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 10.9% โดยภาพรวมไตรมาสแรก การส่งออก ติดลบ 0.2% ทั้งนี้ เนื่องจากดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ยหักเงินเฟ้อ) สูงเกินไป ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยที่แท้จริงของสหรัฐมาก เป็นเหตุให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไป ทำให้สินค้าส่งออกแข่งขันสู้ไม่ได้
2.หากเทียบ 10 ปีที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งกว่าเงินด่องเวียดนาม 44%, แข็งกว่าเยนญี่ปุ่น 45%, แข็งกว่าดอลลาร์สหรัฐ 15%, แข็งกว่ารูปีอินเดีย 50%, แข็งกว่าหยวนจีน, แข็งกว่าริงกิตมาเลเซีย 25%, และแข็งกว่าเงินของประเทศส่วนใหญ่ของโลก
3.แบงก์ชาติคงต้องรีบลดดอกเบี้ยทางการ เพื่อปล่อยค่าเงินบาทให้อ่อนลงใกล้ๆ มาเลเซีย ไม่เช่นนั้นระบบเศรษฐกิจจะเติบโตต่ำมาก ประชาชนจะยากจน ประเทศไม่มีอนาคต
4.รัฐบาลควรตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อเป็น 2-4% แทน 1-3% และไม่ควรมีอัตราเงินเฟ้อติดลบ โดยแบงก์ชาติจะต้องไปลดดอกเบี้ย และเพิ่มปริมาณเงิน (QE) ให้ได้ตามเป้าหมาย จะทำให้การลงทุนเพิ่มขึ้น & รายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะไปเพิ่ม GDP เป็นปีละ 5-6% ได้
5.รัฐบาลควรมีนโยบายเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate targeting) แบบจีน แบบสิงคโปร์ จะทำให้ค่าเงินบาทแข่งขันได้ และไม่ขึ้นๆ ลงๆ จนต้องตั้งราคาส่งออกแพง ทำให้ขายไม่ได้ ไปลดการกำลังการผลิต (Capacity utilization) และลดความสามารถในการเติบโต (Protential GDP)
6.การใช้อัตราแลกเปลี่ยน เป็นอีกเครื่องมือหนึ่ง จะสร้างความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศได้ดีขึ้น รายได้จากส่งออก & ท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น และการลงทุนจากต่างประเทศจะมากขึ้น เพราะประเทศจะสามารถเจริญเติบโตในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องได้ ทำให้ดูแล้วมีอนาคต เศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำเพียง 2% ก็จะเปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตสูง 5-6% ได้