จากกรณี น.ส.มนธ์สินี หรือเหมียว อายุ 51 ปี อดีตผู้บริหารบริษัทชื่อดังระดับโลก ใช้เท้าถีบใบหน้าของ พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก.5 บก.จร. อีกทั้งยังมีการพูดพาดพิงเจ้าหน้าที่ว่าเป็นพวกชั้นต่ำ ภายหลังจากที่เธอถูกจับกุมข้อหาเมาแล้วขับ ซึ่งตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ภายในด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และกวดขันวินัยจราจร บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ เมื่อกลางดึก ของวันที่ 24 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงนั้น
-เปิดร่องรอย ‘รองผกก.’ โดนถีบหน้าเต็มๆ ฝีเท้าผู้บริหารสาวบริษัทระดับโลกที่ถูกจับเมาขับ
-สาวถีบหน้ารองผกก. ยอมรับเมาขับแล้ว ชี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวรีบไปดูลูก เลยเกิดปะทะคารม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. น.ส.มนธ์สินี ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านรายการ “โหนกระแส” ดำเนินรายการโดย หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย โดยเธอได้ระบุว่า เธอไม่ใช่ CEO เป็นเพียงอดีตพนักงานบริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง มีหน้าที่ในการดูแลลูกค้ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น วันนี้ที่ตัดสินใจเปิดหน้าออกสื่อ เพราะหลายคนในสังคมไม่ได้รู้จักแต่เขาตัดสินพร้อมเข้าใจอย่างผิดๆ ไปแล้ว

ส่วนวันที่เกิดเรื่องขึ้นนั้น ปกติเราไม่ได้เป็นคนดื่มสังสรรค์เป็นกิจวัตร แต่ถ้าใครทำงานแบบเราจะรู้ว่า มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า Business Dinner หรือการนัดทานอาหารกับลูกค้ากับพาร์ทเนอร์เป็นประจำ วันที่เกิดเหตุค่อนข้างลากดึกกว่าปกติ ขับรถกลับบ้านที่ตรงจุดเกิดเหตุ เป่าแอลกอฮอล์ขึ้น 104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ยินดีเป่าทันที ไม่ได้บิดพลิ้วใดๆ เป่ารอบแรกน่าจะได้ประมาณ 108 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ พอลงมาจากรถเป่าอีกรอบ ก็ได้ 104

พอเห็นว่าเป่าขึ้นแบบนี้ก็ผิดแน่นอน เราถามว่าต้องทำยังไงต่อ ตำรวจก็ชี้นิ้วไปที่มุมหนึ่งไม่ไกลจากด่าน มี 2 คนนั่งอยู่กับมอเตอร์ไซค์ ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ เราก็กลัว ไม่รู้ว่าจะต้องยังไง เขาให้เราไป เราก็ไป ไม่รู้ว่า 2 คนนี้เป็นตำรวจหรือไม่ คิดว่าเขาจะพาเราไปไหน เราก็ถามเขาว่า “จะพาพี่ไปไหน” เรางุนงงไปหมด ผู้ชาย 2 คนนั้นก็งง แล้วถามกลับว่า “แล้วพี่จะไปไหนครับ” เราก็ยิ่งไม่เข้าใจ จนต้องเดินกลับไปถามตำรวจที่ให้เราเป่าอีกรอบ เขาก็เลยเชิญเราไปที่โรงพักประเวศ

“ยอมรับว่าการดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป อาจจะทำให้เราสมองช้านิดหน่อย แต่ไม่ได้เมา และมีสติอยู่ตลอด พอตำรวจยืนยันให้เราไปโรงพัก เรายืนยันว่าจะไม่ไป แต่ไม่ได้ขัดขืน และที่บอกว่าไปถีบหน้าตำรวจ มันก็มีที่มาที่ไป” เพราะตอนที่ตนยืนกรานว่าจะไม่ไป มีตำรวจนายหนึ่งมาล็อกแขนเราแรงมาก จนเราเจ็บ เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ไหม ไม่พอใจที่มีคนมาแตะตัวเรา ไม่โอเคกับตำรวจชุดนี้เลยสักนาย บางคนก็ผลักตัวเรา พยายามดันตัวเราขึ้นไปบนรถตำรวจ นายตำรวจคู่กรณีพยายามรวบขาเราขึ้นไปบนรถ

“ตอนนั้นเราก็คิดแค่ว่าต้องป้องกันตัวเอง ต้องดิ้นให้หลุด แล้วเรามีปัญหาเรื่องการหายใจมาตั้งแต่ตอนที่หายป่วยโควิด ทำให้ตอนนั้นเราเริ่มหายใจไม่ออก หลายๆ อย่างประกอบกัน ทำให้เราตัดสินใจสู้ เราผู้หญิงตัวคนเดียว จึงดิ้นๆ ให้หลุด ก็ยอมรับว่าถีบไปโดนเขา แต่ไม่ได้ตั้งใจถีบ มันเป็นเพราะพยายามจะดิ้นให้หลุดเท่านั้น แล้วเราก็รู้สึกเหมือนมีของแข็งกระแทกที่ใบหน้าเหมือนกัน”

ทาง “หนุ่ม กรรชัย” ได้สอบถามเพิ่มเติมถึงข้อมูลที่ฝั่งตำรวจ รอง ผกก.บอกว่าคุณเหมียวไปพูดว่าได้ถีบหน้าไปแล้ว คุณเหมียว กล่าวว่า “ยืนยันฝ่ายตำรวจก็มีสวนด้วย เป็นการกระทำโดยมิชอบ ก่อนมาถึงโรงพักก็มีตำรวจนายหนึ่งพูดไม่ดีก่อน ทำให้เราพูดคำว่าชั้นต่ำไป ซึ่งชั้นต่ำเป็นการพูดถึงพฤติกรรมคนมากกว่า”

ส่วนในเรื่องคดีปี 65 คุณเหมียวชี้แจงว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด ร้านรวงมันปิดอยู่แล้ว เรามีสเปรย์แอลกอฮอล์พกติดตัวเอาไว้ฉีดมือ ฉีดพื้นผิวต่างๆ เพื่อฆ่าเชื้อ ปรากฏว่าไปเจอด่านเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วเราเป่า มันขึ้นมาประมาณ 69 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เราไม่ได้ดื่มมา แต่เป่าแล้วมันเกิน เราก็คิดว่าเป็นเพราะสเปรย์แอลกอฮอล์ที่เราฉีดหรือเปล่า เขาให้เราไป สน. เราก็ไป ซึ่งเขาส่งหลักฐานไปตรวจสอบที่กระทรวงสาธารณสุข เรารู้ว่ามีผลตอบกลับมาแล้ว แต่เราไม่ได้เห็นผล ตำรวจโทรฯ มาบอกว่า ไม่ต้องเข้ามาแล้วนะ ทุกอย่างโอเคแล้ว มันก็แค่นั้น เพราะเราไม่ได้ดื่มจริงๆ..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @โหนกระแส