เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ขณะนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายงานให้แล้วหรือไม่ ว่า ยังไม่ได้มอบหมายงาน เพราะตนยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ

เมื่อถามว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.การต่างประเทศ ได้พูดคุยหรือแนะนำอะไรหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันในเรื่องงาน แต่ได้ฝากงานต่อว่าอยากเห็นอะไร อย่างไรบ้าง ซึ่งตนไม่ขอพูดในรายละเอียดตรงนี้ เพราะยังไม่ได้ถวายสัตย์

เมื่อถามว่า ไม่หนักใจใช่หรือไม่ที่ต้องมาสานงานต่อในตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ ในช่วงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะตนก็ทำงานร่วมกับนายปานปรีย์มาโดยตลอด และตนก็เป็นลูกหม้อของกระทรวงการต่างประเทศ ตนจึงไม่หนักใจ

เมื่อถามว่า นายกฯ ได้กำชับอะไรหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ขอให้ตนได้ถวายสัตย์เสียก่อน แล้วจะมาพูดคุยกับสื่อมวลชน เมื่อถามว่า นายกฯ ทาบทามอย่างไรจึงตัดสินใจมาเป็น รมว.การต่างประเทศ นายมาริษ กล่าวว่า นายกฯ กับตนเจอกันตลอดเวลา เรารู้จักกันดี และรู้ว่าจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร

เมื่อถามว่า การทำงานตรงนี้จะมีปัญหาหรือไม่ เพราะไม่ได้ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายมาริษ กล่าวว่า “ไม่มี ไม่มีเลยครับ สามารถทำได้และไม่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตามก็แล้วแต่บุคคล”

เมื่อถามว่า แต่เหตุผลดังกล่าวเป็นเหตุผลที่นายปานปรีย์ใช้เพื่อขอลาออกจากตำแหน่ง นายมาริษ กล่าวว่า สำหรับตนไม่จำเป็น เพราะความเป็นรัฐมนตรีสามารถทำงานได้โดยไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า การที่นายปานปรีย์​ ได้รับคำชื่นชมการทำงานด้านการทูต จะทำให้รู้สึกหนักใจหรือไม่ นายมาริษ​ ยืนยัน​ว่า ไม่หนักใจเลย​ และตนก็เคยทำงานรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตมา พร้อมย้ำว่าเป็นลูกหม้อของกระทรวงการต่างประเทศ จึงไม่หนักใจ

เมื่อถามถึงสไตล์การทำงาน รวมถึงกระแสข่าวว่ามีความสนิทสนมกับนายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรี นายมาริษ​ ปฏิเสธตอบคำถาม และเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าในทันที