เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่โรงเรียนสอนภาษาเกาหลีแห่งหนึ่งประกาศรับสมัครนักเรียนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ วีซ่า E-8 ในงานภาคเกษตรตามฤดูกาล ระยะเวลาทำงาน 8 เดือน โดยมีเงื่อนไขให้คนหางานเดินทางมาสมัครและสัมภาษณ์งานที่สำนักงานของโรงเรียนฯนั้น จากการตรวจสอบโรงเรียนดังกล่าว พบความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐานโฆษณาการจัดหางานไม่เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ การจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตรตามฤดูกาลที่เกาหลีใต้ด้วยวีซ่า E-8 ทางการเกาหลีใต้ระบุอย่างชัดเจน ให้กรมการจัดหางานเป็นหน่วยงานผู้ดำเนินการเท่านั้น

นายคารม กล่าวว่า ขณะที่กรมการจัดหางานได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดพื้นที่รับผิดชอบดำเนินคดีกับโรงเรียนสอนภาษาเกาหลีในฐานความผิดดังกล่าว รวมทั้งเฝ้าระวังไม่ให้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการรับสมัครคนหางานไปทำงานภาคเกษตรในเกาหลีใต้อย่างเข้มงวด สำหรับผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ตนจะเดินทางไปทำงาน ผ่านระบบ e-Service ของกรมการจัดหางาน ที่เว็บไซต์ doe.go.th หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทย ไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน และสายด่วนกรมการจัดหางาน หมายเลขโทรศัพท์ 1694

“ขอย้ำเตือนประชาชนและบุคคลทั่วไปที่สนใจไปทำงานเกษตรตามฤดูกาลเกาหลีใต้ ว่าอย่าหลงเชื่อหากมีองค์กรหรือบุคคลใดที่ประกาศรับสมัครงาน หรือแอบอ้างว่ามีช่องทางพิเศษ หรือจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขอวีซ่านี้ ขอให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ในทุกช่องทาง พร้อมกับตรวจสอบดำเนินคดีผู้มีพฤติการณ์หลอกลวงคนหางานอย่างจริงจัง โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีการดำเนินคดีนายหน้าเถื่อน 262 ราย พบการหลอกลวงคนหางาน 392 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 26,870,680 บาท โดยประเทศที่คนหางานถูกหลอกลวงไปทำงานมากที่สุด คือ ออสเตรเลีย ตามด้วยเกาหลีใต้” นายคารม กล่าว