บนโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากโทรศัพท์มือถือเจ้าของร้านขายปลาปล่อยทำบุญในวัด ซึ่งบันทึกภาพชายคนหนึ่งระบุว่า เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เสียงดังเดินเข้ามาพูดว่า คุยกันแล้วให้เวลา 1 เดือนแล้วเอาออก ไม่ต้องมาถ่ายรูปหรอก ไม่สนใจหรอก พร้อมทั้งอธิบายว่าไม่ให้ขายสัตว์หรือขายปลาในวัดให้เอาออกให้หมด ซึ่งคนถ่ายคลิปบอกว่า ออกไปขายนอกวัดแล้ว ซึ่งวัดไม่ได้ห้าม สักพักก็เริ่มโต้เถียงกันให้ปลดป้าย พร้อมทั้งผลักกันไปผลักกันมา โดยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบอกว่า อย่าพูดมาก ก่อนจะสาวหมัดใส่คนถ่ายคลิป กระทั่งกลายเป็นเหตุการชุลมุนกันเกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างปะทะคารม ก่อนที่ภาพจะเป็นจอดำคาดว่าโทรศัพท์จะตกแล้วคว่ำหน้าลงพื้น โดยจะได้ยินเพียงเสียง ซึ่งจะมีเสียงถังสแตนเลสดังโครมครามเกิดขึ้นเป็นระยะ และมีเสียงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพูดว่า มึงก็เอากับเขาเหรอ กระทั่งเสียงถังดังต่อเนื่องก่อนที่จะมีชาวบ้านเข้ามาห้าม และร้านขายปลายังบอกหลังจากแยกกันแล้วว่า ขายปลาเหมือนแม่ไปฆ่าคนตาย ทั้งที่ขายนอกร้านแล้ว ก่อนที่เหตุการณ์จะสงบ โดยมีพลเมืองดีมาช่วยแยกและแจ้งตำรวจ กระทั่งลูกชายเจ้าของร้านขายปลามาถึงที่วัด ก็เกิดการปะทะคารมกันอีกครั้ง จนชาวบ้านต้องเข้ามาห้ามปรามเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ภายหลังเกิดเรื่องขึ้น ช่วงเย็นวันเดียวกัน ก็มีคลิปที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือบันทึกเหตุการณ์ตอนที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาที่ร้านค้า ซึ่งเป็นร้านของญาติฝ่ายคนขายปลา ลักษณะมาพูดฝากไปถึงคนขายปลา ในเชิงข่มขู่

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปวัดท่าสองคร ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบกับ น.ส.ปิยะวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี และ น.ส.ปุณยนุช (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ชาวบ้านท่าหิน หมุ่ 10 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และเป็นคนถ่ายคลิป และทะเลาะวิวาทกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน โดยได้พาไปดูจุดเกิดเหตุภายในวัด ซึ่งจะมีจุดที่ร้านขายปลาตั้งถังน้ำแข็งและอุปกรณ์สำหรับค้าขายดอกไม้ เสื้อผ้า แว่นตา และหมวก โดยจะมีป้ายระบุข้อความให้คืนถังที่นี่ ซึ่งอยู่ใกล้กับทางขึ้นลงปล่อยปลาในลำน้ำพอง และอีกจุดบริเวณหน้าวัด

น.ส.ปิยะวรรณ กล่าวว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้นำแผ่นกระดาษมาให้ แล้วบอกให้อ่านดูนะ แล้วก็เดินกลับไปไม่ได้พูดอะไร โดยข้อความในแผ่นกระดาษ เป็นข้อกฎหมาย และพรบ.เกี่ยวกับสัตว์ โดยยกการประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 61 ซึ่งมีการออกหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติ 3 ข้อ ข้อแรกให้กำหนดพื้นที่วัดเป็นเขตห้ามเจ้าของสัตว์ นำสัตว์มาปล่อย ละทิ้ง หรือกระทำการใดใดให้พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร ข้อสองให้กำหนดเขตพื้นที่วัดเป็นเขตห้ามซื้อขายหรือการทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าชีวิตสัตว์ภายในเขตวัด และข้อสามให้วัดต่างๆถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2553 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2535 โดยเคร่งครัด ซึ่งหลังจากได้รับแผ่นกระดาษดังกล่าวได้มีการพูดคุยกัน และได้ผ่อนผันไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา

น.ส.ปิยะวรรณ กล่าวต่อไปว่า วันเกิดเหตุตนเดินเข้ามาเอาถังเปล่าที่ใส่ปลาไปปล่อย ซึ่งเป็นถังของตนที่ลูกค้าซื้อปลาไปปล่อยแล้วนำมาวางที่จุดนี้ เพื่อที่จะเก็บไปรอจำหน่ายเวียนต่อที่หน้าร้าน ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัด โดยได้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ห้ามจำหน่ายในวัด อยู่ๆ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็มาด้วยท่าทางขึงขัง เสียงดังมาแต่ไกลแล้วก็เป็นไปตามคลิป ส่วนสาเหตุนั้น เหมือนทางผู้นำจะบอกว่าห้ามมีป้ายปลา และห้ามมีถังปลาก่อนจะดึงป้ายและถังปลาออก พร้อมทั้งมีการทำร้ายร่างกายตนจนฟกช้ำตามตัว ส่วนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหัวแตก เนื่องจากตนเอาถังเหล็กฟาดตอบโต้ไปเพราะคิดว่าไม่มีทางสู้แล้ว ในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ที่อยู่ในวัดต่างตะโกนขับไล่พวกตนให้ออกจากหมู่บ้าน บอกเป็นคนบาป และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลักษณะเหมือนคล้ายมีอาการเมา ก่อนจะมีพลเมืองดีที่เป็นคนมาร่วมงานศพที่วัดมาช่วยห้าม บอกกับทุกคนว่าทำไมวัดถึงเป็นแบบนี้และเรียกตำรวจให้ โดยทางคดีตอนนี้ตำรวจให้ไปตรวจร่างกายและรอผลจากแพทย์ประมาณ 1เดือน และรอเรียกสอบปากคำฝ่ายตน ซึ่งอยากจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยากจะขอความเป็นธรรม เพราะอยากค้าขายได้เหมือนเดิม เนื่องจากทำอาชีพนี้มา 4 ปีแล้ว เป็นรายได้หลักให้กับครอบครัว ตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวระแวงไม่มั่นใจ อย่างที่อื่นๆ ก็มีการขายปลาสำหรับปล่อยทำบุญเยอะแยะ เราก็อยากจะขอความเป็นธรรม ขอค้าขายปลาตามเดิม เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ขายปลาไม่เคยมีเรื่องอะไรรุนแรง กระทั่งมีการเปลี่ยนทีมผู้ใหญ่บ้านชุดใหม่ขึ้นมา ผู้ช่วยคนนี้ก็เข้ามาดำรงตำแหน่งและเกิดเรื่องขึ้น” น.ส.ปิยะวรรณ กล่าว

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่ทราบจากคนในบ้านว่าไม่อยู่และยังไม่ทราบว่าจะกลับช่วงไหน จึงได้เดินทาง ไปพบกับ นายพลวัฒน์ ทิพบุญชู ผู้ใหญ่บ้าน บ้านท่าหิน หมู่ 10 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ทราบว่า วันเกิดเหตุมีงานศพที่วัด ก่อนหน้านี้ทางวัดได้ทำหนังสือออกมา ซึ่งเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับกรมประมงและสำนักงานพระพุทธศาสนา ไม่ให้ขายสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตภายในวัด จึงได้นำหนังสือดังกล่าวไปให้กระทั่งมีปากเสียงกัน จึงได้นัดพูดคุยกันทั้งสองฝ่ายกับทางวัด โดยตกลงกันว่า ให้ร้านที่จำหน่ายปลาหยุดขายและยืดเวลาให้ทางร้านได้หางานอื่นแทนที่ไม่เกี่ยวกับสัตว์ จนถึง 30 เม.ย. จึงให้หยุดขายสัตว์ทุกชนิดในวัด

“กระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา มีงานศพที่วัด มีการเผาศพ โดยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ออกไปวัดก่อน และไม่ทราบมีการพูดคุยอะไรยังไงกับวัดว่าให้งดขายแล้ว แต่ทำไมยังขายอยู่ ทั้งที่แจ้งแล้ว โดยเห็นตั้งร้านอยู่ด้านนอกวัด เอาถังมาปล่อยแล้วเก็บคืน จนมีปากเสียงดึงป้ายกันและปรากฎเป็นคลิปดังกล่าว ในขณะนั้นก็จะมีคณะกรรมการวัดและชาวบ้านอยู่หลายคนทราบว่า ผู้ช่วยพูดเสียงดัง ดึงป้ายกันและกลายเป็นมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน โดนถังฟาดได้รับบาดเจ็บเย็บไป 2 เข็ม ฝั่งแม่ค้าก็ฟกช้ำดำเขียว ก่อนจะมีคนเข้ามาห้ามและแจ้งตำรวจ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีการด่ากันคนเริ่มเยอะขึ้น ขู่ฆ่ากัน จนเหตุการณ์เริ่มบานปลายกระทั่งตำรวจมาคลี่คลายสถานการณ์ อย่างไรก็ตามฝ่ายปกครองและทางวัด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประชุมหารือเพื่อสรุปเรื่องนี้อีกครั้ง.