จากกรณีที่ชาวบ้าน ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น บันทึกภาพเหตุการณ์ หญิงแต่งกายคล้ายแม่ชี ปีนออกจากหน้าต่างกุฏิพระสงฆ์ ก่อนที่ชาวบ้านจะช่วยกันควบคุมตัวไว้ได้ เหตุเกิดในวัดชื่อดัง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. มีแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งว่าหลังเกิดเหตุการณ์ ทางพระผู้ใหญ่ในจังหวัดได้ปรึกษาหารือกันแล้ว มีมติให้ รักษาการเจ้าอาวาสย้ายออกไปจากวัดก่อน โดยจะยังไม่ลงโทษถึงขั้นสึกให้ลาสิกขาไปแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม พระเอ (นามสมมุติ) รักษาการเจ้าอาวาส ได้ออกมาเปิดเผยระหว่างย้ายข้าวของไปอยู่วัดอื่นทำนองว่า จะไม่สู้อีกแล้ว ยอมแพ้แล้ว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่สู้-ยอมแพ้เรื่องอะไร ฝ่ายพระเอ บอกเพียงว่า โดนกลั่นแกล้ง ที่ผ่านมาอยู่วัด 10 ปี จะขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ก็ได้เป็นเพียงรักษาการ จนกระทั่งมาถูกปลดเป็นพระลูกวัด ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

โดยวันเกิดเหตุแม่ชีไม่ได้ขึ้นมาบนกุฏิ และไม่ได้กระโดดออกจากกุฏิ เพราะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีตู้เก็บของขนาดใหญ่ตั้งบังอยู่ หากจะเคลื่อนย้ายต้องใช้แรงมากถึงจะสามารถเปิดหน้าต่างที่มีหน้าต่างมุ้งลวดอีกชั้นได้ เนื่องจากเวลาเปิดหน้าต่างจะชนตู้ ต้องเคลื่อนตู้ให้พ้นรัศมีการเปิดออกมา เมื่อเปิดหน้าต่างไปได้ ก็จะมีโครงเหล็กตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ และในจุดดังกล่าวไม่มีไฟส่องสว่างมองเห็น อาจจะพลาดเหยียบแล้วตกได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุหน้าต่างก็ปิดอยู่ตามเดิม หากอยู่บนกุฏิและกระโดดออกทางหน้าต่าง ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และหน้าต่างบานอื่นก็มีมุ้งลวดเหล็กดัดติดตั้งไว้ทั้งหมด

ด้าน พระบี (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี พระลูกวัด กล่าวว่า อาตมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้มา 11 ปี แล้ว ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านจับตัวหญิงแต่งชุดขาว ว่าเป็นแม่ชีกระโดดออกจากกุฏินั้น หญิงรายดังกล่าวชื่อนางซี (นามสมมุติ) เป็นแม่ชีจริง บวชที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ก่อนหน้านี้ แม่ชีซี มีสามีและหย่าขาดกับสามีชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากนั้นได้มาบวชชี และด้วยศรัทธาที่มีต่อ พระเอ จึงนับถือผูกเป็นพี่น้อง โดยแม่ชีซีนับถือพระเอเป็นพี่ชาย ก่อนเกิดเรื่องนั้น แม่ชีซี มาหาพระเอที่วัด บอกว่า ขับรถเหยียบแมวตาย จึงมาหาพระล้างซวย ล้างบาปให้

“โดยเริ่มทำพิธีในช่วงเย็นวันที่ 30 เม.ย. ต่อด้วยเย็นวันที่ 1 พ.ค.และเย็นวันที่ 2 พ.ค. เป็นเย็นสุดท้ายที่จะทำพิธีล้างซวยให้ ด้วยการเอาน้ำล้างบาตร ราดที่ตัวรถของแม่ชี ต่อมาเย็นวันสุดท้ายคือวันที่ 2 พ.ค นั้น แม่ชีมาพร้อมญาติโยมใช้รถ 2 คัน เมื่อขับรถของตัวเองมาถึงวัด แม่ชีได้จอดรถไว้ที่หน้าศาลาธรรมสังเวช จากนั้นก็ออกจากวัดไปกับญาติโยม กลับเข้าวัดมาประมาณ 2 ทุ่ม เมื่อญาติโยมส่งแม่ชีที่วัดแล้วก็ขับรถออกไป

จากนั้นจึงทำพิธีล้างซวยที่รถให้ ส่วนแม่ชีก็นั่งในรถ เสร็จพิธีสามทุ่มกว่า จึงเดินเข้ากุฏิ ปิดไฟเมื่อจะนอน จากนั้นก็มีเสียงผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจและชาวบ้านมาเรียกเพื่อขอตรวจค้นกุฏิ จึงออกจากกุฏิมาคุยกันที่ศาลาหน้ากุฏิ และไม่ให้ค้นกุฏิ เพราะไม่รู้ว่าค้นด้วยเหตุใด เกิดอะไรขึ้น จึงไม่ให้ค้น จากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้านตะโกนบอกว่า จับตัวได้แล้ว และคุมตัวแม่ชีเดินมาที่ศาลาหน้ากุฏิ พร้อมกับบอกว่า คุมตัวแม่ชีไว้ได้หลังจากกระโดดลงมาจากหน้าต่าง”

พระบี กล่าวต่ออีกว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น วันต่อมา ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เจ้าคณะตำบลและชาวบ้านก็มาพูดคุยกันที่วัด โดยสรุปว่าให้ พระเอ ออกจากวัด ซึ่งเมื่อมติของพระและชาวบ้านเห็นตรงกันก็ปฏิบัติตาม ว่าจะออกจากวัด จึงเรียกญาติโยมมาขนของออกจากกุฏิ เพื่อให้ไปอยู่อีกวัดใน ต.คึมชาติ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เพื่อความสงบสุขของญาติพี่น้องในหมู่ และไม่ขอปฏิเสธใด ๆ กับเรื่องดังกล่าว แม้ว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ก็ไม่ขอโต้เถียง

ด้าน นายประพันธ์ เบ้าหนองบัว อายุ 87 ปี ชาวบ้านที่มาช่วยพระเอขนสิ่งของ กล่าวว่า ตั้งแต่พระเอมาจำพรรษาที่วัด ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เพราะพระเอเป็นพระที่รู้ขนบประเพณีและรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินหรืออยากได้เงิน มีแต่ช่วยเหลือคนยากคนจน ใครตายที่ไหน ไม่มีเงินจัดงานศพ ไม่มีโลงศพ พระเอช่วยเหลือมาตลอด กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัดครั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่า คนที่จะกระโดดออกจากหน้าต่างกุฏิพระ ต้องบาดเจ็บไม่มากก็น้อย และคงจะกระโดดยาก เพราะหน้าต่างจุดดังกล่าวมีตู้ขนาดใหญ่ตั้งปิดหน้าต่างไว้ ต้องใช้คน 2-3 คน ยกตู้ออกจึงจะเปิดหน้าต่างได้ ส่วนนอกหน้าต่างก็มีเหล็กครอบคอมเพรสเซอร์แอร์ตั้งอยู่ คนที่กระโดดหน้าต่างต้องบาดเจ็บไม่มากก็น้อย

“เรื่องนี้มีพิรุธหลายอย่าง การที่มีคนมาห้อมล้อมกุฏิพระเอาไว้ ทำไมไม่จับแม่ชีตั้งแต่ตอนออกมาจากหน้าต่าง ทำไมไปคุมตัวที่รถยนต์ที่จอดอยู่ พอจับแม่ชีแล้วก็ให้ขับพระเอ ออกจากวัด อยากให้รอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน” นายประพันธ์ กล่าว

ขณะที่ นายวิชัย วันตา นายอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้ให้นายธนา สุขุม ผู้ใหญ่บ้าน บ้านธาตุ มาพบปลัดอาวุโส เพื่อให้ข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นในช่วงบ่ายจะลงพื้นที่วัดตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดรายงานไปยังจังหวัดขอนแก่นและสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นตามขั้นตอนต่อไปเพื่อพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่.