น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัดว่า หลังจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และบริษัทฯ ได้ทำการควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางรถโมบายของสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (สนพ.) ได้ตรวจวัดคุณภาพน้ำชุมชนโดยรอบพื้นที่ จำนวน 2 จุด ได้แก่ คลองชากหมาก และบริเวณบริษัท ไทยพลาสติกเคมีภัณฑ์ พบว่า คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน รวมทั้งตรวจวัดคุณภาพในบรรยากาศ 3 จุด ได้แก่ จุดตรวจสถานีอนามัยตากวน จุดตรวจสถานีหนองเสือเกือก และจุดตรวจสถานีเทศบาลเมืองมาบตาพุด อยู่ในเกณฑ์ปกติเช่นกัน ซึ่งก็ได้ให้ กนอ. และบริษัทฯ ติดตามสถาการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนพื้นที่ และขณะนี้ได้กำชับทั้งในส่วน กนอ. กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) อุตสาหกรรมจังหวัด ที่ดูแลโรงงานทั่วประเทศ ให้ตรวจสอบระบบความปลอดภัยภายในโรงงานอย่างเข้มข้น เนื่องจากช่วงนี้เกิดเหตุไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงงานที่เก็บสารเคมี วัตถุไวไฟ ต้องห้ามเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และให้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของโรงงาน
“ตอนนี้ กนอ. อยู่ระหว่างตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเร่งด่วน เพื่อจัดทำมาตรการด้านความปลอดภัย ป้องกันการเกิดซ้ำ ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานภายนอกที่ให้การรับรองด้านความปลอดภัย และได้กำชับทุกนิคมอุตสาหกรรมให้เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่ ตามมาตรฐาน “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบกิจการ และประชาชนโดยรอบพื้นที่”
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีได้เร่งดำเนินงานเต็มที่ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยลงพื้นที่ติดตามและบรรเทาผลกระทบ ซึ่งได้ตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ชุมชนโดยรอบอย่างเข้มข้น ทั้งจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบต่อเนื่องของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และเทศบาลเมืองมาบตาพุด รวมทั้งเครื่องตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยง่ายแบบพกพา 18 จุดในพื้นที่ชุมชน พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานี โดยยังคงเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง สำหรับการป้องกันการรั่วไหลของสารเคมีและน้ำจากการดับเพลิง บริษัทฯ ได้ออกแบบเขื่อนกั้น ที่รองรับน้ำและโฟมจากการดับเพลิง สามารถกักเก็บได้ 100% จึงมั่นใจได้ว่า จะไม่รั่วไหลและปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม