เมื่อวันที่ 14 พ.ค. นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา สก.เขตลาดกระบัง ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางและหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการชุมชนเข้มแข็งพัฒนาตนเองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (หรือโครงการกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่างดังกล่าว พร้อมเตรียมนำร่างข้อบัญญัติดังกล่าวเข้าสู่สภา กทม. เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายข้อบัญญัติ และประกาศใช้ในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพบปัญหาเรื่องระเบียบข้อบัญญัติเดิมของ กทม. ที่เป็นอุปสรรค ไม่ตอบโจทย์ความต้องการประชาชน เช่น ข้อบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างที่สำนักงานเขตต้องยึดราคากลาง ซึ่งติดปัญหาการเบิกจ่าย
เนื่องจากบางรายการในโครงการที่ชุมชนต้องการไม่เคยมีราคากลางมาก่อน สำนักงานเขตต้องสืบราคา และกำหนดรายละเอียดลักษณะครุภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ ทำให้เสียเวลา ไม่สามารถดำเนินการทันปีงบประมาณ โครงการไม่คืบหน้า ทำให้ในปี 66 และ 67 มีชุมชน กทม. ที่สามารถเบิกจ่ายตามข้อบังคับได้เพียงแค่ 2 เขต (จาก 50 เขต) และไม่กี่ชุมชน
ดังนั้น นายสุรจิตต์ จึงเสนอตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางและหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการฯ โดยให้สำนักพัฒนาสังคม แก้ไขร่างระเบียบการใช้งบประมาณใหม่ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมคิด ร่วมดำเนินการ ตรวจสอบ และจัดซื้อจัดจ้างได้ โดยไม่ต้องให้สำนักงานเขตดำเนินการ แต่อยู่ภายใต้กฎหมาย คล้ายกองทุน S M L ของรัฐบาล ที่ให้ชุมชนสามารถตัดสินใจเองได้ว่าสิ่งใดจำเป็นต้องใช้ก็ใช้เสียงชุมชนโหวต โดยไม่ต้องใช้ราคากลาง แต่ให้ใช้วิธีเทียบราคา เช่น
การติดตั้งกล้องวงจรปิดใช้คู่เทียบ 3 ราย ในจำนวนและสเปกที่เหมือนกันโดยไม่ต้องยึดราคากลาง แต่มีสำนักงานเขตเป็นพี่เลี้ยงดูแลเรื่องระเบียบการใช้เงินให้ถูกต้อง
“ที่ผ่านมากว่า 2 ปี ชุมชนก็ท้อใจ เพราะเสนอขอโครงการไปก็ไม่ได้ ได้แต่สิ่งที่ไม่จำเป็น ชุมชนจึงต้องการได้สิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาจริงๆ สามารถออกแบบโครงการได้ด้วยตัวเอง เช่น ซ่อมฝาท่อระบายน้ำ ติดตั้งกล้องวงจรปิด ทำให้งบประมาณเข้าถึงชุมชนโดยตรง เป็นการให้อำนาจประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจในการบริหารงบประมาณดูแลชุมชนตนเองในแต่ละปี” นายสุรจิตต์ กล่าว