นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงมีการประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำจืดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2507 และปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อปี 2566 เพื่อคุ้มครองสัตว์น้ำจืดในช่วงมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า “ฤดูน้ำแดง” เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่น้ำฝนมีปริมาณมากส่งผลให้น้ำในแม่น้ำลำคลองเพิ่มสูงขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดงจากการชะล้างหน้าดิน พัดพาตะกอนธาตุอาหารต่าง ๆ ลงสู่แหล่งน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยในการกระตุ้นให้สัตว์น้ำจืดมีการผสมพันธุ์และวางไข่

ดังนั้น กรมประมงจึงยังคงกำหนดพื้นที่และระยะเวลา รวมถึงเครื่องมือที่ให้ใช้เป็นไปตามมาตรการเดิม ซึ่งแบ่งพื้นที่และระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกเป็น 3 ระยะ ตามความเหมาะสมของระบบนิเวศน์แต่ละพื้นที่ โดยกำหนดห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงในบริเวณแม่น้ำ ลำคลอง ลำธาร ห้วย หนอง บึง อ่างเก็บน้ำเขื่อน พรุ และลำน้ำทุกสาขา รวมทั้งป่าไม้ และพื้นดินที่ถูกน้ำท่วมตามธรรมชาติเชื่อมต่อบริเวณดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือที่ดินของเอกชนในช่วงฤดูสัตว์น้ำจืดมีไข่ ตามห้วงเวลาและพื้นที่ ดังต่อไปนี้

ระยะที่ 1 : วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 สิงหาคม 2567 ในพื้นที่ 33 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร เลย อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล และในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแผนที่ท้ายประกาศ

ระยะที่ 2 : 1 มิถุนายน – 31 สิงหาคม 2567 ในพื้นที่ 39 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองบัวลำภู ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สุพรรณบุรี สระบุรี นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เว้นแต่ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้อยู่ภายใต้บังคับระยะเวลาตาม ระยะที่ 1

ระยะที่ 3 : วันที่ 1 กันยายน  – 30 พฤศจิกายน 2567 ในพื้นที่ 5  จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง  สงขลา  ปัตตานี นราธิวาส และยะลา

ในส่วนของเครื่องมือ วิธีการทำการประมงที่อนุญาตให้สามารถทำการประมงในฤดูสัตว์น้ำจืดมีไข่ได้ มีดังนี้

1. เบ็ดทุกชนิด ยกเว้น เบ็ดราว เบ็ดพวงที่ทำการประมงโดยวิธีการกระชาก หรือการใช้เครื่องมืออื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน 2. ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ หรือชนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้างไม่เกิน 2 เมตร และไม่ทำการประมงด้วยวิธีประดาเดินเรียงหน้าพร้อม ๆ กัน ตั้งแต่ 3 เครื่องมือขึ้นไป    3. สุ่ม ฉมวก และส้อม  4. ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน     5. แหที่มีความลึกไม่เกิน 6 ศอก (3 เมตร)

ในกรณีที่คณะกรรมการประมงประจำจังหวัดประกาศกำหนดมาตรการอนุรักษ์ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง โดยห้ามทำการประมงที่ใช้เครื่องมือ วิธีการทำการประมง และเงื่อนไขในการทำการประมงอย่างหนึ่งอย่างใด ตามวรรคหนึ่ง 1 – 5 ให้ถือปฏิบัติตามประกาศนั้นด้วย

สำหรับการทำการประมงเพื่อการศึกษา วิจัย ทดลองทางวิชาการ หรือในพื้นที่โครงการที่ดำเนินการของทางราชการ ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมประมง และสำหรับการช่วยชีวิตของสัตว์น้ำจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดกรมประมงหรือภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่สังกัดกรมประมง อนึ่ง หากคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดออกประกาศกำหนดพื้นที่ เครื่องมือ วิธีการทำการประมง และเงื่อนไขในการทำการประมงไว้เป็นอย่างอื่น ให้ถือปฏิบัติตามประกาศฉบับนั้น

 ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนตามประกาศฯ มาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษปรับตั้งแต่ห้าพันถึงห้าหมื่นบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมง