เมื่อวันที่ 16 พ.ค. นายศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยให้ความเห็นต่อการแก้ไขปัญหาการบำบัดสารเคมีร้ายแรงตกค้างในดิน ในน้ำ และใต้ดิน ตลอดจนการย้ายสารเคมีของบ.วิน โพรเสส จ.ระยอง ที่ถูกเพลิงไหม้ ว่าส่วนตัวมองว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวมีความๅล่าช้า ไม่ทันการณ์ขณะที่ฤดูฝนกำลังย่างเข้ามา ที่สำคัญชาวบ้านยังรวมตัวกันร้องเรียนต่อจังหวัด และกระทรวงอุตสาหกรรมให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องและตนเห็นใจกับประชาชนอย่างมากและเท่าที่ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหา มีปัจจัยสำคัญคืองบประมาณเพราะการขจัดมลพิษซึ่งเป็นสารเคมีร้ายแรงอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากลจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งการใช้งบประมาณปกติของกระทรวงอุตสาหกรรม และการฟ้องร้องจาก บ.วิน โพรเสส น่าจะไม่ทันการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนในขณะที่ฤดูฝนกำลังจะดข้ามา

นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวว่า หนทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนต้องยกปัญหาด้านสุขภาพอนามัยและชีวิตประชาชนเป็นปัญหาสำคัญสูงสุดและถือเป็นภัยพิบัติ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องรีบแก้ไข ซึ่งกรณีดังกล่าวเข้าหลักเกณฑ์การใช้ งบกลางเพราะ วัตถุประสงค์ของการมีงบกลาง ก็เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติฉุกเฉินที่ประชาชนได้รับอย่างทันท่วงที

นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่าเท่าที่ได้ติดตามสถานการณ์พบว่า สารเคมีร้ายแรงของ บ.วิน โพรเสส ไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกต้องตามหลักวิชาและได้ไหลจากบ่อพักสู่แหล่งน้ำธรรมชาติลงทั้งน้ำและดินรอบ ๆ บริเวณโรงงาน นอกจากนั้นก็ควรตรวจสอบว่ามีการลักลอบปล่อยสารเคมีร้ายแรงโดยไม่ผ่านการบำบัดลงยังชั้นใต้ดิน หรือไม่ โดยควรให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขุดเจาะสำรวจน้ำใต้ดินว่ามีสารเคมีร้ายแรงจากโรงงานปนเปื้อนในชั้นน้ำใต้ดินหรือไม่ เพราะหากมี จะเป็นอ้นตรายยิ่งเมื่อมีการนำน้ำนั้นไปใช้ในการอุปโภค บริโภค

นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่าขอเสนอแนะว่า กระทรวงอุตสาหกรรมควรของบกลางจากรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างทันการณ์ และพรรคไทยสร้างไทยขอเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบว่า รัฐบาลจะใช้งบกลางอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ หรือไม่ ยิ่งขณะนี้มีข่าวว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณปี 2567 ส่วนหนึ่งไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเลตเป็นกรณีที่เราจะต้องคัดค้านอย่างแข็งขันและหากนำงบกลางที่จะต้องเตรียมไว้เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติของพี่น้องประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เป็นเรื่องที่พรรคไทยสร้างไทยและประชาชนรับไม่ได้และต้องคัดค้านอย่างแน่นอนส่วนการแก้ไขปัญหาโรงงานอุตสาหกรรมที่สร้างปัญหามลพิษแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวนั้นมองว่าขณะนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบบราชการดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมควรนำวิกฤตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นโอกาสที่จะยกเครื่องกระบวนการจัดตั้งและการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐานสากล เพราะปัจจุบันโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ประเทศของเราและพี่น้องประชาชนจะอยู่ยากหากประเทศไทยก้าวไม่ทันกับพัฒนาการของโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม