เมื่อวันที่ 24 พ.ค. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) พร้อมทั้งผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ประชุมเพื่อติดตามการประกอบกิจการโทรคมนาคมบริเวณแนวชายแดน โดยมีข้อสรุปมาตรการแก้ไขปัญหาระงับยับยั้งการกระทำที่อาจก่อให้เกิดการนำสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ในการกระทำผิด หรือสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย 3 ข้อ คือ 1. ให้ดำเนินการรื้อถอนสายอากาศกรณีเสาที่มีการติดตั้งสายอากาศหันไปทางประเทศเพื่อนบ้านโดยตรง โดยส่วนเสาที่มีการติดตั้งห่างจากแนวชายแดนออกมาระยะ 200 เมตร เพื่อให้บริการในไทย แต่หันทิศทางไปประเทศเพื่อนบ้าน ให้ส่งข้อมูลการจำลองการแพร่สัญญาณ (Simulation) ให้สำนักงาน กสทช. พิจารณาด้วย

2. ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ตรวจสอบว่ามีเครื่องทวนสัญญาณ (Repeater) รับสัญญาณจากประเทศไทยไปเพื่อกระจายต่อหรือไม่ ถ้ามี ให้ระงับสัญญาณที่เข้าสู่ Repeater ดังกล่าว และ 3. กรณีการให้บริการอินเทอร์เน็ตทางสาย ให้พิจารณาทราฟฟิกที่มีปริมาณมากผิดปกติ และรายงานให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการร่วมกับตำรวจว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมหรือไม่ รวมทั้งให้ผู้บริการทั้งทางสาย และไร้สาย ตรวจสอบ IP ที่ไปปรากฏว่ามีการใช้งานในประเทศเพื่อนบ้านว่ามีการใช้งานผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ โดยในวันจันทร์ที่ 27 พ.ค. นี้ จะมีการหารือทางเทคนิคเพื่อกำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อให้ผู้ประกอบการจัดทำรายงานส่งให้สำนักงาน กสทช. หรือตำรวจต่อไป

นายไตรรัตน์ กล่าวต่อว่า สำนักงาน กสทช. พร้อมทั้งสำนักงาน กสทช. ภาค 1 และเขต 14 ปราจีนบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปรับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่หันหน้าออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้รถตรวจสอบสัญญาณคลื่นความถี่ลงในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พบว่า ขณะนี้เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามแนวชายแดน จ.สระแก้ว ได้หันหน้าเข้าประเทศไทยแล้วเกือบทั้งหมด ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผน และเพื่อไม่ให้ประชาชนในพื้นที่โดยรอบได้รับผลกระทบ สำนักงาน กสทช. จะให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดำเนินการติดตั้งเสาสัญญาณขนาดเล็กให้ประชาชนสามารถใช้โทรศัพท์ และใช้อินเทอร์เน็ตได้โดยไม่เกิดปัญหา

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายดำเนินการหันเสาเข้าประเทศอย่างถาวร เพื่อควบคุมความแรงของสัญญาณไม่ให้ล้ำไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังเจอปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผ่านการใช้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ต โดยสำนักงาน กสทช. จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการดำเนินการหันเสาสัญญาณโทรศัพท์เข้าประเทศ รวมทั้งตรวจจับสัญญาณในทุกพื้นที่อย่างเข้มข้น เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

“ผมขอความร่วมมือผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เสาต้นไหนที่อยู่ แนวบริเวณตะเข็บชายแดน ไม่ได้มีบ้านเรือนประชาชนอยู่ ควรรื้อถอนก็ต้องรื้อถอน ส่วนการหันเสาสัญญาณเข้าประเทศ ขอให้ดำเนินการเป็นการถาวร เรื่องนี้ผมจะไม่ให้ประชาชนที่ใช้ชีวิตปกติได้รับความเดือดร้อน ถ้าต้องติดตั้งเสาสัญญาณขนาดเล็กให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตประจำวัน ใช้โทรศัพท์ ใช้อินเทอร์เน็ตได้ตามปกติ ก็ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลประชาชนกลุ่มนี้ด้วย” นายไตรรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. ได้ออกมาตรการระงับสัญญาณโทรคมนาคมบริเวณชายแดนโดยเริ่มใน 7 พื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน ได้แก่ (1) อ.แม่สอด จ.ตาก (2) อ.แม่สาย จ.เชียงราย (3) อ.เชียงของ จ.เชียงราย (4) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (5) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว (6) อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และ (7) อ.เมือง จ.ระนอง โดยปัจจุบันทุกพื้นที่ ๆ มีการหันเสาออกนอกประเทศไทยได้มีการระงับสัญญาณรวมแล้ว 141 สถานี และปรับทิศทางสายอากาศเข้าประเทศแล้ว 67 สถานี