เหตุวาตภัยร้ายที่ไม่เพียงพัดพา “หลังคาโดมขนาดใหญ่” อันใช้เป็นสถานที่บังแดดลมฝนทำกิจกรรมต่างๆ ของนักเรียน และชาวบ้านในพื้นที่ใกล้โรงเรียนวัดเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร พังทลายจนราบเป็นหน้ากลองเท่านั้น หากแต่ยังนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ สร้างความบอบช้ำทางจิตใจแก่ผู้สูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ ครั้นความทุกข์ร้อนแสนสาหัสของราษฎร ทราบยังฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสียพระราชหฤทัยและทรงห่วงใยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากกรณีการเกิดเหตุวาตภัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่ แทนหลังเก่าที่พังทลาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจ
ย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อช่วงเย็น วันที่ 22 พ.ค. 2566 ระหว่างที่เด็กนักเรียนและครูโรงเรียนวัดเนินปอ หมู่ที่ 1 ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร กำลังเล่นกีฬาอยู่ในอาคารอเนกประสงค์อย่างเพลิดเพลิน แต่เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีลมพายุขนาดมหึมาโหมพัดกระหน่ำ หลังคาพังถล่มลงมาทับนักเรียน โค้ชผู้ฝึกสอนฟุตบอล และประชาชนที่หลบฝนอยู่ในบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 7 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 18 ราย โดยผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสามง่าม จำนวน 13 ราย โรงพยาบาลพิจิตร จำนวน 5 ราย
เมื่อความโศกเศร้าเสียใจของคณะครู นักเรียน ผู้ปกครองโรงเรียนวัดเนินปอ ทราบยังฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่ โรงเรียนวัดเนินปอ ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 11,033,000 บาท
โดยอาคารแห่งน้ำพระราชหฤทัยแห่งนี้ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ กว้าง 20 เมตร ยาว 40 เมตร ด้านข้างเปิดโล่งพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ ใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน โครงสร้างถูกออกแบบมาให้ทนต่อลมพายุและทนไฟได้ เพื่อให้นักเรียน คณะครู เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ใช้ทำกิจกรรมได้อย่างมั่นคงปลอดภัย รวมชุมชนในพื้นที่และใกล้เคียงสามารถมาใช้ทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของชุมชนได้อย่างทั่วถึง
การก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ (หลังใหม่) แม้จะทดแทนสิ่งที่สูญเสียไปไม่ได้ แต่พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ลบภาพความสูญเสีย นำมาสู่การสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ครู นักเรียน และชาวตำบลเนินปอ ซึ่งปัจจุบันนักเรียนโรงเรียนวัดเนินปอมักจะเรียกอาคารอเนกประสงค์ (หลังใหม่) ว่า “โดมของในหลวง” และทำกิจกรรมเล่นกีฬาภายในอาคารอเนกประสงค์ (หลังใหม่) อย่างมีความสุข มั่นคงปลอดภัย
นางประนอม เจริญภาพ
นางประนอม เจริญภาพ ครูชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเนินปอ ที่ยังคงจำภาพแห่งความสูญเสียไม่ลืมเลือน กล่าวว่า ตอนทราบข่าวว่าในหลวงจะทรงสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่ พวกเราก็ยังไม่เชื่อเสียทีเดียวเพราะโรงเรียนของเราอยู่ห่างไกลเหลือเกิน กระทั่งมีคณะเข้ามาสำรวจสถานที่ และเริ่มดำเนินการสร้างอาคารให้ จึงทำให้รู้สึกว่าในหลวงไม่เคยทอดทิ้งพวกเราเลย พระมหากรุณาธิคุณนี้ทดแทนความเสียใจแสนสาหัสของคณะครูและผู้ปกครองทุกคน
“ครูเห็นตั้งแต่วันลงเสาเข็มจนถึงวันนี้ที่อาคารอเนกประสงค์หลังใหม่สร้างเสร็จ และพร้อมให้เด็กๆ ได้เข้ามาทำกิจกรรมในช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่พอดี เปิดเทอมวันแรกที่ผ่านมาเด็กๆ ก็เข้ามาวิ่งเล่นพักผ่อนทำกิจกรรมกันช่วงพักกลางวัน ตอนกลางวันที่แดดร้อนๆ แต่พอไปนั่งอยู่ในโดมหลังนี้กลับไม่รู้สึกร้อนเหมือนกับสภาพอากาศ มันร่มเย็นเหนือสุดคือมันร่มเย็นในหัวใจเรา ที่ในหลวงไม่เคยทอดทิ้งพวกเรา” รักษาการในตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนวัดเนินปอกล่าว
นางกัญนิกา อินทรกูล
ขณะที่ นางกัญนิกา อินทรกูล นายกเทศมนตรีตำบลเนินปอ กล่าวว่า ชาวตำบลเนินปอ มีความปลาบปลื้มใจ และซาบซึ้งใจ ถือเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ชาวตำบลเนินปอเป็นอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนทรัพย์ในการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ (หลังใหม่) ทดแทนหลังเดิม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งอาคารแห่งนี้จะเป็นสถานที่เล่นกีฬาในร่มของนักเรียนและการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของชุมชน ซึ่งจะมีการหารือกับคณะกรรมการสถานศึกษา เพื่อวางมาตรการ หลักเกณฑ์ในการใช้ประโยชน์อาคารอเนกประสงค์ดังกล่าวต่อไป
เด็กชายธนกฤช นาคเอี่ยม และ เด็กหญิงกัญญาพัชร วงศ์เงิน
ส่วนเด็กชายธนกฤช นาคเอี่ยม นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กล่าวด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณว่า “ปกติพวกเด็กๆ ที่โรงเรียนจะเล่นฟุตบอล เตะตะกร้อ นั่งเล่นกันอยู่ที่อาคารหลังนี้ครับ พอมันพังลงไป เราก็ไม่มีเล่น แต่พอในหลวงท่านสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่ให้และมีความแข็งแรงกว่าหลังเก่า พวกเราทุกคนดีใจมาก ผมรักในหลวงมากครับเพราะท่านทรงสร้างให้เราทำเพื่อพวกเราจริงๆ อยากพูดด้วยคำขอบคุณที่ดีที่สุดในชีวิตผม อยากขอบพระคุณมากครับ”
ปิดท้ายที่ เด็กหญิงกัญญาพัชร วงศ์เงิน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กล่าวว่า รู้สึกดีใจและตื้นตันใจและรักในหลวงที่สุด ที่ทรงสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่แทนหลังเดิม ให้เด็กๆ ได้มีพื้นที่สำหรับออกกำลังกาย และใช้ทำกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งโดมหลังใหม่มีขนาดใหญ่ดูมั่นคงแข็งแรงกว่าของเก่า จึงทำให้เธอและเพื่อนๆ เข้ามานั่งเล่นพักผ่อนวิ่งเล่นได้อย่างมั่นใจ
นับเป็นความโชคดีของพสกนิกรชาวไทย ที่อยู่อย่างร่มเย็นใต้ร่มพระบารมี.