เมื่อวันที่ 7 ต.ค. สถานการณ์การแพร่ระบาดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังมีผู้ติดเชื้อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีอัตราการติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นสูง โดยพบว่า อ.เมือง มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 1,209 ราย รองลงมา อ.สายบุรี 792 ราย อ.ยะหริ่ง 542 ราย โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ต่างได้รับเชื้อจากการร่วมกลุ่มทำกิจกรรม การเดินตลาด และการไปนั่งร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ หรือร้านเนื้อย่างกระทะ และงานเลี้ยงส่งการโยกย้าย  ซึ่งพบว่าหลายคนไม่สวมหน้ากากอนามัย และไม่เว้นระยะห่างทางสังคม และมีรวมกลุ่ม ก่อนนำเชื้อไปแพร่คนในชุมชน และครอบครัว

เช่นเดียวกับชุมชนจือแรนีบง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ถนนสมัครคี สาย ก. ต.สะบารัง  ถือเป็นชุมชนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ก็พบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มาจากคลัสเตอร์โรงงาน จากนั้นสถานการณ์ดีขึ้น กระทั่งล่าสุด ชุมชนดังกล่าวกลับมารุนแรงอีกครั้ง หลังคนในชุมชนจือแรนีบง ต่างไปรับเชื้อมากจากที่อื่น และมาแพร่คนในชุมขนและครอบครัว ปัจจุบันพบว่าติดเชื้อแล้วกว่าร้อยราย ทำให้ทีมงาน อสม. ร่วม 10 คน ต้องลงพื้นที่ตระเวนเคาะประตูบ้านทุกบ้าน นำเจลล้างมือ หน้ากากอนามัยมาแจกจ่ายให้กับคนในชุมชน พร้อมทั้งเตือนให้ทุกคนระวังการติดเชื้อ ถ้าไม่จำเป็นอย่างออกข้างนอก และควรซื้ออาหารกลับมากินที่บ้าน ทั้งนี้ยังได้ประสานไปยังผู้นำชุมชน และโต๊ะอิหม่าม ให้ประกาศให้คนในชุมชนเฝ้าระวัง ปฏิบัติมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด

นางมารียัม บูมามะ ผู้ช่วยประธาน อสม.ชุมชนจือแรนีบง ต.สะบารัง อ.เมือง เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อในชุมชนรอบนี้มากกว่ารอบที่แล้ว เป็นคนใหม่กระจายไปไม่ใช่เป็นกลุ่มโรงงานเหมือนครั้งที่ผ่านมา และตลอด 1 สัปดาห์ ผู้ติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่หยุด จากการที่เรามีตรวจเชื้อแบบเอทีเค (ATK) ให้กับคนในชุมชน แต่เมื่อทำการตรวจก็ยิ่งเจอผู้ติดเชื้อมากขึ้น จนขณะนี้ชุมชนจือแรนีบง เป็นชุมชนหนึ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ถ้าผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก ทีม อสม. ก็รับไม่ไหว  ซึ่งหวั่นว่าอาจต้องทำการปิดชุมชนป้องกันการแพร่ระบาดของโรค