ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเยอรมนี ที่กำลังหวดกันอยู่อย่างสนุกสนาน ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ลูกหนังระดับคุณภาพ
มีเรื่องราวความประทับใจเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่ยังไม่จบรอบแรก รวมถึงเกิดการทำลายสถิติที่น่าสนใจหลายประการ ดังต่อไปนี้

ยิงประตูมากที่สุด
ใน 4 เกมแรกของการแข่งขัน ซึ่ง เยอรมนี ชนะ สกอตแลนด์ 5-1, สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ ฮังการี 3-1, สเปน ชนะ โครเอเชีย 3-0 และอิตาลี เฉือน แอลเบเนีย 2-1 ทำให้มียอดการทำประตูรวมถึง 16 ประตู
ซึ่งถือว่ามากที่สุดในยูโร หรือฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย นับเฉพาะหลังผ่านไป 4 เกม นับตั้งแต่ยูโร 1976
มีประตูอย่างน้อย 3 ลูกเกิดขึ้นก่อนหมดครึ่งแรกถึง 3 เกม ซึ่งในยูโรครั้งที่แล้ว เกิดเหตุการณ์แบบนี้รวมทั้งทัวร์นาเมนต์แค่ 2 เกม
และมีเพียงยูโร 2004 เท่านั้น ที่มีการยิงอย่างน้อย 3 ประตูในครึ่งแรก 4 เกมทั้งรายการ
ทำให้ในอีก 47 เกมที่เหลือดูแล้วจะเกิดการทำลายสถิติต่างๆ อีกมากมาย

ดาวรุ่งแจ้งเกิดเพียบ
ชัยชนะอันน่าประทับใจของ สเปน เหนือ โครเอเชีย 3-0 ทำให้ ลามีน ยามาล ปีกดาวรุ่งกระทิงดุ สร้างประวัติศาสตร์
กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุด ที่ลงเล่นในยูโร รอบสุดท้าย ในวัยเพียง 16 ปี 338 วัน
แต่ที่สำคัญคือ ดาวเตะบาร์เซโลนา ยังโชว์ฟอร์มโดดเด่น และทำแอสซิสต์ให้ ดานี กาบาฆาล ทำประตูได้ด้วย
ส่วน กาบาฆาล นั้น ก็ทำสถิติอีกด้าน และกลายเป็นนักเตะทีมชาติสเปน ที่อายุมากที่สุด ที่ยิงได้ในยูโร ในวัย 32 ปี 156 วัน และยังเป็นประตูแรก ในการเล่นทีมชาติของเขาด้วย
ขณะที่ อิตาลี ส่งผู้เล่นลงสนามในเกมกับ แอลเบเนีย โดยมีอายุเฉลี่ยเพียง 26 ปี 287 วัน ถือว่าเป็นชุดตัวจริงที่อายุเฉลี่ยน้อยที่สุด นับตั้งแต่ยูโร 1988
และในเกมของ ฮังการี กับ สวิตเซอร์แลนด์ นั้น โดมินิก โซโบซไล จากลิเวอร์พูล ก็สร้างสถิติเป็นกัปตันทีมอายุน้อยที่สุดในยูโร เพียงแค่ 23 ปี 234 วัน

ประตูที่เร็วที่สุด
ในบรรดาทีมที่เข้ารอบสุดท้าย ทีมชาติแอลเบเนีย คือทีมยิงประตูน้อยที่สุดในรอบคัดเลือก
แต่พวกเขาใช้เวลาแค่ 23 วินาที ทำประตูแรกในทัวร์นาเมนต์ได้จาก เนดิม บายรามี
ถือเป็นสถิติการทำประตูเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ยูโร
และเป็นเพียงประตูที่ 2 ของแอลเบเนียเท่านั้น ในการเล่นยูโร
สำหรับสถิติยิงประตูเร็วที่สุดเดิมของยูโรนั้นเป็นของ ดมิทรี คิริเชนโก อดีตกองหน้าทีมชาติรัสเซีย
ที่ยิงประตูในเกมกับ กรีซ ตอนยูโร 2004 โดยใช้เวลาเพียง 67 วินาที.