สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ว่า นพ.วิโนด กุมาร พอล หัวหน้าคณะทำงานด้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของรัฐบาลอินเดีย กล่าวถึงสถานการณ์ภายในประเทศ ว่าตอนนี้ประมาณ 3 ใน 4 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว และประมาณ 1 ใน 3 ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจึงมีมติเห็นชอบร่วมกัน ให้อินเดียกลับมามีบทบาทสำคัญในฐานะ "โรงงานวัคซีนโลก"
ปัจจุบัน สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ( เอสไอไอ ) ผลิตวัคซีน "โควิชิลด์" ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของวัคซีนแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ในอินเดีย ได้เดือนละประมาณ 220 ล้านโด๊ส เพิ่มขึ้นจากสถิติ 150 ล้านโด๊ส เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังการผลิตวัคซีนของบริษัทภารัต ไบโอเทค ตอนนี้อยู่ที่ประมาณเดือนละ 30 ล้านโด๊ส แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านโด๊สในเดือนหน้า
ทั้งนี้ หากผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ทั้งสองแห่งสามารถรักษาศักยภาพการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้แบบนี้เรื่อยไป อินเดียน่าจะผลิตวัคซีนได้เดือนละ 300-320 ล้านโด๊ส ภายในช่วงต้นปีหน้า มากกว่าค่าเฉลี่ย ณ เวลานี้ ซึ่งอยู่ที่ 210 ล้านโด๊สต่อเดือน
ในเวลาเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำกรุงเตหะรานรายงานว่า วัคซีน "โควาซิน" ของภารัต ไบโอเทค จำนวน 1 ล้านโด๊ส เดินทางถึงอิหร่าน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน อินเดียยังส่งออกวัคซีนจำนวนหนึ่งไปยังเนปาล และประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายแห่งด้วย เมื่อไม่นานมานี้. 

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES