เมื่อไม่นานมานี้ เดวิด ลินเซย์ อดีตคนงานก่อสร้างวัย 65 ปี จากเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เผยประสบการณ์ที่ได้พบโชคดีในความโชคร้ายจากพฤติกรรมของลูกสุนัขบูลด็อกที่เขาเลี้ยงไว้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เขาเล่าว่าระหว่างที่เขากำลังงีบหลับอยู่บนเก้าอี้นอนในห้องนั่งเล่นในบ่ายวันหนึ่ง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรีดร้องดังลั่นของภรรยา และพบว่าเจ้า “ฮาร์ลีย์” ลูกสุนัขพันธุ์บูลด็อกที่ครอบครัวของเขาเลี้ยงไว้กำลังแทะนิ้วเท้าของเขาจนแทบจะหลุดออกจากเท้า บาดแผลนั้นลึกจนเห็นกระดูก
แต่สิ่งที่ทำให้ลินเซย์กังวลไม่ใช่บาดแผลสุนัขกัดแทะ แต่เป็นเพราะเท้าของเขาไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ตลอดเวลาที่เจ้าลูกสุนัขแทะนิ้วเท้าของเขา
เมื่อเขาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแอดเดนบรูค คนไข้รุ่นลุงก็พบว่าความจริงแล้ว เขาควรขอบใจเจ้าฮาร์ลีย์และนิสัยชอบกัดแทะข้าวของของมัน เพราะพฤติกรรมของมันในครั้งนี้ทำให้แพทย์พบอาการป่วยในตัวเขาที่อันตรายมาก เท่ากับมันได้ช่วยชีวิตเขาไว้
ในตอนแรกทีมแพทย์ให้ยาปฏิชีวนะแก่ลินเซย์เพื่อห้ามการติดเชื้อจากบาดแผลที่โดนสุนัขกัดแทะไปยังกระดูก จากนั้นก็ส่งตัวเขาไปรับการทำซีทีสแกนเพื่อตรวจดูว่านิ้วเท้าของเขาเสียหายตรงไหนบ้าง
ปรากฏว่าในขั้นตอนการทำซีทีสแกนนี้เองที่แพทย์พบว่าเส้นเลือดที่ขาของลินเซย์มีการอุดตันถึง 2 เส้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาของเขาไร้ความรู้สึก และเสี่ยงต่อการที่จะต้องโดนตัดขาทิ้ง ถ้าหากเลือดของเขาไม่ไหลลงขาเป็นเวลานาน
จากนั้นทีมแพทย์ก็จะวินิจฉัยต่อว่าจะสามารถผ่าตัดใส่ขดลวดตาข่ายเข้าไปค้ำยันผนังหลอดเลือดให้ลินเซย์ได้หรือไม่ เพื่อเปิดทางให้เลือดไหลเวียนสะดวกและไหลไปยังขาของเขาตามปกติ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลินเซย์รู้สึกขอบใจเจ้าสุนัขตัวน้อยของเขามากและยกย่องให้มันเป็น “ฮีโร่” ที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ พร้อมกับกล่าวว่า ถ้าเขาต้องตัดนิ้วเท้าที่เจ้าฮาร์ลีย์แทะไว้ เขาก็จะขอนิ้วข้างนั้นจากหมอเพื่อนำกลับบ้านไปให้มันด้วย
ที่มาและเครดิตภาพ : ladbible.com