สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่าสหภาพแรงงานพนักงานฝ่ายผลิตของบริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ของโลก หยุดงานประท้วง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่โรงงานในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และเมืองพอร์ตแลนด์ ในรัฐออริกอน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 ที่พนักงานฝ่ายโรงงานของโบอิ้งประท้วงผู้บริหารด้วยการหยุดงาน
การสไตรก์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถเห็นพ้องร่วมกัน เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขในการปรับเพิ่มสวัสดิการ โดยสหภาพแรงงานต้องการให้มีการปรับเพิ่มค่าตอบแทน 40% แต่ผู้บริหารเสนอเป็น 25% ภายในระยะเวลา 4 ปี ซึ่งสหภาพแรงงานไม่ยอมรับ เนื่องจากกังวลว่า จะเป็นกลยุทธ์ของฝ่ายบริหาร ในการหลีกเลี่ยงไม่จ่ายโบนัสประจำปี
BREAKING: @Boeing machinists vote to STRIKE, effective immediately. This means 32,000 @IAM751 and W24 members are on the picket lines starting TONIGHT. Vote to strike was 96% for it pic.twitter.com/gBUKmkRYOn
— Ryan Simms (@RyanTVnews) September 13, 2024
BREAKING: Workers at Boeing have launched a massive strike
— BreakThrough News (@BTnewsroom) September 13, 2024
33,000 machinists are walking off the job demanding better wages and an end to the aerospace giant’s wanton violation of safety standards for its own profits. pic.twitter.com/HQir3Wlgd8
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่า จะกลับมาเจรจาร่วมกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
การผละงานประท้วงครั้งนี้ซึ่งกินเวลา 24 ชั่วโมง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสายงานการผลิตของโบอิ้ง เนื่องจากโรงงานทั้งสองแห่งมีคนงานรวมกันราว 33,000 คน และเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องบินตระกูลแม็กซ์ 777 และ 767 โดยเฉพาะเครื่องบินตระกูลแม็กซ์ของโบอิ้ง ที่กำลังเผชิญกับการตรวจสอบอย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐ
วิกฤติที่ยืดเยื้อส่งผลให้ราคาหุ้นของโบอิ้งร่วงลงแล้ว 38% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และทำให้บริษัทสูญเสียมูลค่าตลาดแล้ว 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.92 ล้านล้านบาท )
อนึ่ง การสไตรก์ครั้งใหญ่เมื่อ 16 ปีที่แล้ว กินเวลานานถึง 57 วัน และทำให้โบอิ้งสูญเสียรายได้ราว 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 182,941 ล้านบาท ).
เครดิตภาพ : AFP