เรียกได้ว่าเป็นพระเอกคิวทองงานแน่นไปถึงปีหน้า สำหรับ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงชื่อดัง ที่ล่าสุดได้มาร่วมงานบวงสรวงภาพยนตร์ “ธี่หยด2” ซึ่งณเดชน์ก็ได้เล่าเรื่องราวความหลอนที่ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นของภาพยนตร์ แถมยังเล่าคนในกองเจอเรื่องลี้ลับระหว่างถ่ายทำ บอกเลยว่าทำเอาหลายคนกลัวหนักมาก อีกทั้งเจ้าตัวยังเผยว่าไม่กดดันและไม่หวั่นเรื่องอาถรรพณ์ภาค 2 เพราะได้รับฟีดแบ็กเรียกร้องจากคนดูมาเยอะ และมั่นใจว่าภาคนี้คนดูเต็มอิ่มแน่นอน
ณเดชน์ เผยว่า “ไม่กดดันครับผม ในเรื่องรายได้อาจจะเป็นสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นในภาคแรก ผมรู้สึกว่าความรู้สึกของคนดูที่รอคอยที่จะได้ดูภาค 2 มันมีคุณค่าทางจิตใจกับผมมากกว่ารายได้ ซึ่งไม่ว่าผมจะเดินทางไปไหน จะนั่งวินมอไซค์ หรือที่ไหนก็ตาม มีคนพูดถึงธี่หยดเยอะมาก และถามหาธี่หยดภาค 2 ว่าเป็นอย่างไร มันจะมันขนาดไหน ชอบมากเลยภาคแรก อยากรอดูพี่ยักษ์ อยากดูว่าผีชุดดำจะตายอย่างไร มีคนอยากจะดูมาก และสิ่งที่มันมีคุณค่ามาก และก็ทำให้เรารู้สึกว่า ยังไงคนก็ดูสนุกแน่นอน ผมว่าภาคนี้คนดูชอบและรู้สึกว่าอิ่ม ซึ่งหลายคนก็มองว่าเลข 2 เป็นเลขอาถรรพณ์ ก็เข้าใจได้ครับว่าภาค 2 ในเรื่องของภาพยนตร์มันอาจจะมีการเปรียบเทียบ แต่จริงๆ แล้ว ภาค 2 มันเป็นเรื่องที่เราก็แต่งเติมขึ้นมาจากภาคแรก ใครหลายคนอาจจะอ่านหนังสือมา อาจจะคาดเดาว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ บางทีอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เรายกเอาไอเดียบางอย่างจากหนังสือมาเพิ่มเติมแต่งให้มีอรรถรสมากขึ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันเป็นเรื่องของการเดินทางล้างแค้นผีชุดดำต่อ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่แย้มได้เสียชีวิตไป ถ้าถามว่าภาคนี้น่าดูอย่างไร ภาคนี้ผมรู้สึกว่าตอบจบของภาค 1 ตัวละครกับคนดูมันเก็บเอาความรู้สึกว่าคาใจ ความรู้สึกที่ยังไม่จบ เหมือนกับความเครียดแค้นมันยังไม่จบลงไป ภาคนี้มันจะตอบโจทย์ทุกอย่าง มันจะมีตั้งแต่ผีชุดดำเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงได้มีพลังแบบนี้ ใครเป็นคนที่คอยช่วยเหลือมัน ภาคนี้เราก็เสริมเหตุการณ์ด้วยการที่ว่าน้องมีน หรือประดิษฐ์ มาแต่งงานกับตัวหยาด เพื่อให้มันมีเรื่องการพัฒนาการของตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้องในการพัฒนาไป 3 ปี แต่ทุกคนก็ยังรู้สึกว่า ยังเดินทางใช้ชีวิตไปกับความรู้สึกสูญเสียนั้นอยู่ แต่ว่ายักษ์เป็นคนหนึ่งที่ชัดเจนความรู้สึกคือ ก็เข้าใจว่าน้องจะมีงานแต่ง แต่สุดท้ายทุกอย่างมันจะไม่จบถ้าผีชุดดำยังไม่ตาย แล้วทุกอย่างจะจบลงหรือเปล่าต้องรอดู ส่วนจะมีภาคต่อไหม ใบ้ไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวไปดูในโรงภาพยนตร์อีกทีครับ เพราะมันยังไปได้อีก แต่ผมรับรองว่ามันอิ่มครับ จบแบบอิ่ม”
“ถ้าถามผมว่าอยากให้มันเป็นหนังจักรวาลไหม ส่วนตัวเท่าที่คุยกับทางพี่ๆ คืออยากให้คนดูรู้สึกว่าอิ่มทั้งพาร์ทของแนวแอ๊คชั่นทั้งพาร์ทของความน่ากลัว ที่เราเพิ่มทวีคูณมามากเพราะว่าอิทธิฤทธิ์ของผีชุดดำจะแข็งแกร่งขึ้น แล้วในพาร์ทของแย้มที่จะเข้ามาอยู่ในเรื่องนี้นะครับ ถ้าถามว่าภาคนี้พี่ยักษ์จะเป็นอย่างไรต่อ ให้ช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา (ในหนัง) ตัวยักษ์เองไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง ที่จะสร้างเกราะป้องกัน ทั้งเล่นเวท หาของไอเทม หาอุปกรณ์ที่จะมาต่อกลอนกับผีชุดดำ ก็คือเป็นการอัปเกรด แต่ไม่ใช่แค่ตัวยักษ์คนเดียว ทั้งครอบครัวก็มีพัฒนาการในการโตขึ้นด้วย ความมั่นใจคือเรามีแก๊งค์นักแสดงมาแจมด้วย ในส่วนของการไปตามหาผีชุดดำ ส่วนภาคนี้ผีมันน่ากลัวแค่ไหน มันจะมีพาร์ทในป่า แล้วก็จะมีพาร์ทในโรงแรมด้วยอย่างที่ทุกคนเห็นในเทรลเลอร์ ความอึดอัดของสถานที่และสถานการณ์ ที่ผีชุดดำมาเล่นกับตัวละคร มันจะมีอะไรที่พิเศษมากขึ้น ด้วยเทคนิคการถ่ายทำก็เพิ่มขึ้นด้วย ผมเลยรู้สึกว่ามันจะอึดอัดและน่ากลัวตะลึง ซึ่งถ้าถามว่าภาคนี้เหนื่อยไหม ภาคนี้เหนื่อยกว่าภาคแรกเยอะเลย นักแสดงพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดเลยว่าเหนื่อย ทั้งวิ่งทั้งโดนผีกระทำ มันเยอะมากๆ ครับ”
“ส่วนข่าวที่ว่ามีเลิฟซีนกับผีด้วย จริงๆ มันเป็นกิมมิคเฉยๆ อย่างที่เห็นภาคแรก ยายช่วยจะแลบลิ้น ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นเหมือนกับวิธีการของสื่อสารกับผี และภาคสองผีชุดดำจะแลบลิ้นใส่ มันก็จะมีซีเควนซ์ที่มันจะอยู่ใกล้กัน คือใน Mood & Tone มันไม่ใช่เลิฟซีน แต่เราก็เอามาพูดเป็นเรื่องตลกกันว่า แลบลิ้นกับผี ซึ่งนัยของเรื่อง ลิ้นเป็นกิมมิคอย่างหนึ่ง ถ้าได้ดูแล้วจะรู้ว่าทำไมต้องเป็นลิ้น ผีใช้ลิ้นสู้เรา ซึ่งจริงๆ แล้วลิ้นมีความสำคัญในเรื่องมากๆ จริงๆ”
“ถ้าถามว่าเราเล่นเรื่องผีแล้วเจออาถรรพณ์ไหม ไม่เจอครับ ส่วนใหญ่เราก็เคารพเนาะ เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเล่าเรื่องจริง ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ถูกเล่ากันมา แล้วก็ยกมือไหว้ขอโทษขออภัย หลังจากเลิกกอง อย่างผมกับพวกจูเนียร์ ก็ทะลึ่ง บางทีก็มองหาอะไรมืดๆ ดำๆ อยู่แถวๆ ฉาก แต่เราก็ไม่ได้โหวกเหวกโวยวายส่งเสียงท้าอะไรแบบนั้น แต่คนในกองเจอที่โรงแรมที่เราไปค้าง ที่เราไปถ่ายทำ คนในกองมีเจอครับ เหมือนแบบมีคนเดินมา ทั้งที่จริงๆ ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มันเป็นโรงแรมที่ค่อนข้างจะเก่า เอาจริงๆ ผมเป็นคนกลัวผีครับ แต่เราเล่นหนังผี ซึ่งหนังผีไม่กลัว ตอนเล่นนะ เพราะรู้สึกแบบว่าจิตใจหนึ่ง ก็รู้ว่าเรากำลังทำงานสร้างสรรค์ผลงานอยู่ แต่ยักษ์ไม่กลัวผีไง ถ้าถามว่าเห็นสถานที่แล้วเรากลัวไหม คือด้วยตัวละครมันไม่กลัวครับ มันรู้สึกแบบว่ามันต้องตัดความสุขออกไป เพราะว่ามันต้องการจบเรื่องนี้สักที”
“ส่วนมีการขนหิ้งที่บ้านไปไหม ไม่มีๆ แต่ภาคแรกมีนิดหน่อย (หัวเราะ) เป็นถุงพระ ถุงสร้อย ถุงตะกรุด เราก็จะพกไปด้วย ตอนที่ไปต่างจังหวัดภาคแรก แต่ภาคนี้ก็จะน้อย ส่วนคนที่เจอ เขาก็มาเล่าเรื่องที่โรงแรมที่เราไปถ่ายครับ แล้วก็ในป่านิดหน่อย แต่อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจอแบบไหน แต่ถ้าถามว่าเป็นผีแบบผีชุดดำมาเลยไหม คือไม่ใช่นะครับ ถ้าถามว่าพอถ่ายเสร็จ เขาไม่ได้มาลาอะไรเราใช่ไหม ก็ไม่มาลาครับ ผมลาเขาก่อน (หัวเราะ) ลาทุกวันเลยครับ ก็บอกเขาไปว่าถ้าลูกเกิดกล่าววาจาใจอะไรไม่ตั้งใจก็ดี หรือตั้งใจก็ดี อโหสิกรรมให้ด้วยนะ ขอบคุณมากๆ ที่แบบให้มาถ่ายทำวันนี้ แต่ส่วนตัวผมไม่ได้เป็นคนเจอ ไม่เคยเจอเลย จริงๆ เป็นคนมีเซนส์มาก่อน ก่อนที่จะมีเซนส์จริงๆ คือแบบไม่เอาแบบนี้ คือวางแผนชีวิตที่จะไม่ให้เจอผี ถ้าถามว่าแล้วไม่คิดเหรอว่าผีอยากเจอณเดชน์เหรอ เขาก็คงเห็นคงเจอแหละ แต่ว่าช่องทางการสื่อสารเราอาจจะไม่ตรงกัน เพราะผมปิดชาแนลไปแล้ว ผมไปบวชวันแรก ผมยังหิ้วจีวรกับบาตรไปนอนกับเพื่อนเลย กลัวผี”