เมื่อวันที่ 2 ต.ค. จากกรณีเกิดเหตุโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี เป็นเหตุให้มีครูและนักเรียนเสียชีวิต 23 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมากนั้น
โดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ได้จัดรถประจำทางชั้นพิเศษ 3 คัน นำนักเรียนและครูที่ประสบเหตุนำพาส่งบ้านพักอาศัยที่ จ.อุทัยธานี เดินทางมาถึง โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทันทีที่มาถึง นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผวจ.อุทัยธานี พร้อมด้วย น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มาร่วมรับการกลับมาอย่างปลอดภัยของน้องๆ จากนั้นได้เรียกผู้ปกครองเข้ามารับเด็กทีละ 1 คน แล้วให้พาเด็กกลับบ้านทันที พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชน ไม่จี้ถามเรื่องราว เนื่องจากหวั่นกระทบกระเทือนใจเด็ก
ส่วนทางคดี นายอรรถพล เรืองสารณ์ หรือทนายเติ้ล ทนายความ และเป็นตัวแทนกับผู้รู้จักของผู้ประกอบการของบริษัทชินบุตรทัวร์ ได้มาที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ก่อนให้ข้อมูลว่า ตัวรถมีการตรวจสอบตามระบบขนส่งตลอด การจดแจ้งทะเบียนต่างๆ ครบถ้วน แจ้งต่อนายทะเบียนทุกครั้ง ในส่วนของการติดตั้งแก๊ส มีการติดตั้งตามระบบวิศวกรรมของขนส่งตลอด แต่ประตูฉุกเฉินมีน้ำหนักมากตัวเด็กและครูอาจจะใช้แรงเปิดไม่เพียงพอ
ขณะที่ นายสมาน จันทร์พุธ อายุ 48 ปี คนขับรถบัส ก็ได้เข้ามอบตัวหลังถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก ก่อนจะโดนแจ้ง 5 ข้อหาหนัก คือ 1.ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 3.ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล 4.ไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ และ 5.ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบรายการจดทะเบียนของรถบัสคันเกิดเหตุพบว่า เป็นประเภทรถโดยสารไม่ประจำทาง เลขตัวรถ 2105472 เลขเครื่องยนต์ 422915-20-590053 ดัดแปลงยี่ห้อจาก อีซูซุ มาเป็นยี่ห้อ เบนซ์ มีจำนวน 8 สูบ 280 แรงม้า น้ำหนักรถ 14,300 จำนวนผู้โดยสารที่นั่ง 41 คน ที่สำคัญจดทะเบียนครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. 2513 หรือใช้งานมาแล้ว 54 ปี นั่นเอง.