สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. นี้ ว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และยุติธรรม แต่ไม่มั่นใจว่า จะเป็นการเลือกตั้ง “ที่สงบ” หรือไม่
ทั้งนี้ ไบเดนอ้างถึงคำกล่าวหลายต่อหลายครั้งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตผู้นำสหรัฐ และแคนดิเดตของพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ ที่ยังคงกล่าวในเชิงไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง หากสถานการณ์ออกมาเป็นแบบเดียวกับการเลือกตั้ง เมื่อปี 2563
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวเมื่อปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า “จะไม่ลงสมัครอีก” หากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยกล่าวว่า “ไม่แล้ว” แต่แสดงความหวังว่า “จะประสบความสำเร็จ” ในการเลือกตั้งครั้งนี้
อนึ่ง ในวันสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ เมื่อปี 2560 ทรัมป์ประกาศทันที ว่าเขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ซึ่งผลปรากฏว่า พ่ายแพ้ให้แก่ไบเดน จากพรรคเดโมแมครต แต่ทรัมป์ยังคงกล่าวถึงผลการเลือกตั้งครั้งนั้นว่า “ถูกขโมย” และประกาศเมื่อเดือน พ.ย. 2565 ว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง
ด้านผลสำรวจความคิดเห็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งชาวอเมริกัน จัดทำร่วมกันโดยสถานีโทรทัศน์เอ็นพีอาร์ สำนักข่าวพีบีเอส และศูนย์วิจัยมาริสต์ เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่านางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และตัวแทนพรรคเดโมแครต มีคะแนนนิยมนำทรัมป์ 50% ต่อ 48%
แต่เมื่อแยกตามกลุ่มการเมือง พบว่า ในบรรดาผู้มีสิทธิออกเสียงซึ่งยืนยันว่า ไม่สนับสนุนทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน กล่าวว่าจะเลือกทรัมป์ 50% และ 46% จะลงคะแนนให้กับแฮร์ริส
ขณะที่ผู้มีสิทธิออกเสียงซึ่งจะใช้สิทธิล่วงหน้าผ่านทางไปรษณีย์ กล่าวว่า จะลงคะแนนให้กับแฮร์ริส 78% และทรัมป์ 21% ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่จะไปใช้สิทธิในวันที่ 5 พ.ย. กล่าวว่า จะเลือกทรัมป์ 58% และแฮร์ริส 40%.
เครดิตภาพ : AFP